คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

รายงานการตรวจร่างกายผู้เสียหายที่จำเลยได้แถลงรับต่อศาลว่าแพทย์ได้ตรวจร่างกายผู้เสียหายและทำบันทึกการตรวจไว้จริงตามรายงานการตรวจร่างกายนั้นย่อมรับฟังเป็นพยานได้ แม้โจทก์จะมิได้นำแพทย์ผู้ตรวจมาเบิกความประกอบก็ตาม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง โดยรับฟังรายงานชันสูตรบาดแผลของแพทย์ เอกสารหมาย จ.2 เป็นพยานหลักฐานประกอบคำเบิกความของผู้เสียหาย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา โดยอ้างด้วยว่ารายงานการตรวจร่างกายผู้เสียหายตามเอกสารหมาย จ.2 รับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ เพราะไม่ได้นำแพทย์ผู้ตรวจมาเบิกความประกอบ
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า หลังเกิดเหตุสามวัน ผู้เสียหายจึงแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินคดีกับจำเลย และแพทย์ได้ตรวจร่างกายผู้เสียหายปรากฏว่า เยื่อพรหมจารีมีรอยฉีกขาดและช้ำ แสดงว่าถูกกระทำชำเราในระยะประมาณ 3-4 วัน ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลเอกสารหมาย จ.2 และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าที่จำเลยฎีกาว่ารายงานการตรวจร่างกายผู้เสียหายเป็นพยานที่รับฟังยันจำเลยไม่ได้ เพราะไม่ได้นำแพทย์ผู้ตรวจมาเบิกความประกอบนั้น เห็นว่าจำเลยได้แถลงรับไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาแล้วว่า แพทย์ได้ตรวจร่างกายผู้เสียหายและทำบันทึกการตรวจไว้ตามเอกสารหมาย จ.2 จริง เอกสารดังกล่าวจึงรับฟังเป็นพยานได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างมาไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดีนี้ พยานจำเลยที่นำสืบไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share