คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยพูดกับเด็กที่เก็บแหวนตกได้ว่า จะนำแหวนที่เก็บได้นั้นไปให้พ่อแม่เด็กแล้วจำเลยเบียดบังเอาเสียเองเมื่อถูกทวงจำเลยก็ว่าเป็นแหวนไม่ดีนั้น เป็นผิดฐานยักยอก ผู้เก็บของตกได้ย่อมมีสิทธิ์ดีกว่าว่าบุคคลอื่น เว้นแต่เจ้าของอันแท้จริงฉะนั้นผู้เก็บของตกได้จึงมีสิทธิ์มอบคดีให้เจ้าพนักงานฟ้องร้องจำเลยผู้ยักยอกของนั้นไปอีกทอดหนึ่งได้

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า เด็กชายเสริมเก็บแหวนได้ จำเลยขอดูแล้วว่า ” มึงอย่าเอาไปเลยกูจะเอาไปให้พ่อแม่มึง ” เด็กชายเสริมก็มอบแหวนให้จำเลยไป จำเลยเอาแหวนนั้นไว้เสียไม่ได้เอาไปให้พ่อแม่เด็กชายเสริม ๆ ได้ไป ทวงแหวนที่จำเลย ๆ ว่า แหวนนากไม่ดีไม่เด่อะไร จำเลยไม่ได้คืนแหวนให้เด็กชายเสริมโจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๑๔
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยได้ยักยอกแหวนไปจากเด็กชายเสริม จึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญา มาตรา ๒๑๔
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่จำเลยพูดว่า “มึงอย่าเอาไปเลย กูจะเอาไปให้พ่อแม่มึง ” นั้นเห็นได้ชัดว่า จำเลยหลอกเอาแหวนเด็ก เด็กมอบความยึดถือให้เพราะหลงเชื่อความเท็จจำเลย เป็นการฉ้อโกง ไม่ใช่ยักยอก จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ จำเลยพูดว่าจะเอาแหวนไปให้พ่อแม่เด็กชายเสริมนั้น จำเลยอาจตั้งใจเอาแหวนไปให้จริง ๆ ก็ได้ซึ่งไม่เป็นการกล่าวเท็จหลอกลวง ถ้าจำเลยกล่าวว่าพ่อแม่เด็กชายเสริมให้จำเลยมาเอาแหวนไปดังนี้จึงจะเป็นการหลอกลวง เมื่อเด็กชายเสริมไปทวง จำเลยว่าแหวนนากไม่ดีไม่เด่อะไรแสดงให้เห็นว่า จำเลยได้คิดทุจจริตเบียดบังภายหลัง การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดฐานยักยอก ส่วนที่จำเลยกล่าวว่า เด็กชายเสริมเก็บแหวนได้มิได้นำไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานเด็กชายเสริมต้องมีผิดกฎหมาย จึงเห็นได้ว่าแหวนนั้นมิใช่ของเด็กขายเสริมโดยชอบด้วยกฎหมาย เด็กขายเสริมไม่มีอำนาจมอบคดีให้เจ้าพนักงานฟ้องร้อง ศาลนี้เห็นว่า ผู้ใดเก็บของตกได้ย่อมมีสิทธิ์ดีกว่าผู้อื่น เว้นแต่เจ้าของอันแท้จริง ฉะนั้นเด็กชายเสริมย่อมมีอำนาจมอบคดีให้เจ้าพนักงานฟ้องร้องจำเลยได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำเลยยืนตามศาลชั้นต้น

Share