คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2593/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 163 วรรคสอง กฎหมายให้โอกาสแก่จำเลยที่จะขอแก้คำให้การได้ก่อนศาลพิพากษาในเมื่อมีเหตุอันสมควร แม้กระนั้นกฎหมายก็ยังให้อยู่ในดุลพินิจของศาลอีกชั้นหนึ่งว่าสมควรจะอนุญาตหรือไม่ ดังนี้เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพขณะมีทนายความคอยให้คำปรึกษาแล้ว โจทก์และจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันแถลงถึงข้อตกลงในการชำระหนี้ที่จะปฏิบัติต่อกันให้ศาลทราบ ตลอดจนขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว หากจำเลยทั้งสองผิดนัดหรือชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว คู่ความจะขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปเพื่อมีคำพิพากษาหรือถอนฟ้องนั้น เป็นการรับสารภาพด้วยความสมัครใจของจำเลยทั้งสองมิได้เกิดขึ้นโดยความสำคัญผิดแต่อย่างใด และการที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอแก้คำให้การเดิมที่ให้การรับสารภาพเป็นให้การปฏิเสธเพื่อให้มีการสืบพยานต่อไปอีก โดยอ้างเหตุว่าเพิ่งค้นพบพยานหลักฐานซึ่งจะนำมาอ้างปฏิเสธความรับผิดตามฟ้องโจทก์ได้นั้น เห็นได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อประวิงคดี จึงไม่มีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้จำเลยทั้งสองแก้คำให้การได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ ป.อ. มาตรา ๘๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาจำเลยทั้งสองขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่รับสารภาพ
ระหว่างการพิจารณาคู่ความแถลงร่วมกันว่าตกลงกันได้ จำเลยทั้งสองจะชำระหนี้ตามเช็คให้แก่โจทก์ โดยวิธีผ่อนชำระเป็นรายเดือน ขอให้ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีชั่วคราว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยทั้งสองมิได้ชำระเงินให้โจทก์ ขอให้ศาลชั้นต้นยกคดีขึ้นพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๐ เวลา ๙ นาฬิกา และแจ้งวันนัดให้จำเลยทั้งสองทราบแล้ว ในวันนัดฟังคำพิพากษา ทนายความจำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๔๐ เวลา ๙ นาฬิกา และในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๔๐ จำเลยทั้งสองขอถอนคำให้การเดิมที่รับสารภาพเป็นขอให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ (๑) , (๒)
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่เฉพาะจำเลยที่ ๑ หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา ๒๙
จำเลยที่ ๒ ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๒ มีว่า คำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยทั้งสองมีเหตุสมควรที่ศาลจะอนุญาตหรือไม่ เห็นว่า ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๖๓ วรรคสอง กฎหมายให้โอกาสแก่จำเลยที่จะขอแก้คำให้การได้ก่อนศาลพิพากษาในเมื่อมีเหตุอันสมควร แต่แม้กระนั้นกฎหมายก็ยังให้อยู่ในดุลพินิจของศาลอีกชั้นหนึ่งว่าสมควรจะอนุญาตหรือไม่ ดังนี้เมื่อพิเคราะห์ถึงว่าขณะที่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพต่อศาลนั้น จำเลยทั้งสองก็มีทนายความคอยให้คำปรึกษาอยู่ด้วย นอกจากนี้โจทก์และจำเลยทั้งสองยังได้ร่วมกันแถลงถึงข้อตกลงในการชำระหนี้ที่จะปฏิบัติต่อกันให้ศาลทราบ ตลอดจนขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว หากจำเลยทั้งสองผิดนัดหรือชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว คู่ความจะขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปเพื่อมีคำพิพากษาหรือถอนฟ้องนั้น เป็นการรับสารภาพด้วยความสมัครใจของจำเลยทั้งสองมิได้เกิดขึ้นโดยความสำคัญผิดแต่อย่างใด และการที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอแก้คำให้การเดิมที่ให้การรับสารภาพเป็นให้การปฏิเสธเพื่อให้มีการสืบพยานต่อไปอีก โดยอ้างเหตุว่าจำเลยทั้งสองเพิ่งค้นพบพยานหลักฐานซึ่งจะนำมาอ้างปฏิเสธความรับผิดตามฟ้องโจทก์ได้นั้นเห็นได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อประวิงคดี จึงไม่มีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้จำเลยทั้งสองแก้คำให้การได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share