คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7091/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องของผู้ร้องสอดเป็นการเข้าเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) อันทำให้มีสิทธิเสมือนหนึ่งว่าตนได้ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 58 การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และมีคำสั่งให้ขับไล่จำเลย แม้ฟ้องโจทก์จะมิได้ฟ้องผู้ร้องสอดก็ตาม คำสั่งให้ขับไล่ย่อมใช้บังคับแก่ผู้ร้องสอดได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (1) หาเกินคำขอไม่
การที่โจทก์ขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนานั้นใช้เฉพาะกรณีการทำนิติกรรมสัญญาเท่านั้น ศาลไม่อาจกำหนดให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยในคดีละเมิดได้ ดังนั้น การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ขับไล่จำเลย ผู้ร้องสอดและบริวารออกจากที่พิพาทและทำที่พิพาทให้อยู่ในสภาพเดิม หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาจึงไม่ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยขนย้ายดินออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามแผนที่ท้ายฟ้องและทำสภาพที่ดินโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิม หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ ห้ามมิให้เกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์อีกต่อไป
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์หรือจำเลย เพื่อยังให้ได้ความคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้องที่มีอยู่จึงขอเข้าเป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๕๗ (๑)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลย ผู้ร้องสอดและบริวารออกไปจากที่พิพาท และทำให้อยู่ในสภาพเดิม หากจำเลยและผู้ร้องสอดไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและผู้ร้องสอด ยกคำร้องสอด
จำเลยและผู้ร้องสอดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องสอดฎีกาว่า ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาขับไล่ผู้ร้องสอดออกจากที่พิพาทเป็นการพิพากษาเกินคำขอนั้น เห็นว่า คำร้องของผู้ร้องสอดเป็นการเข้ามาเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๕๗ (๑) ซึ่งตามมาตรา ๕๘ บัญญัติว่า ผู้ร้องสอดตามอนุมาตรา (๑) และ (๓) แห่งมาตรา ๕๗ มีสิทธิเสมือนหนึ่งว่าตนได้ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และมีคำสั่งให้ขับไล่จำเลย แม้ตามคำฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องสอดก็ตาม คำสั่งที่ให้ขับไล่นี้ย่อมใช้บังคับแก่ผู้ร้องสอดได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๒ (๑) หาเกินคำขอดังที่ผู้ร้องสอดฎีกาไม่ อนึ่ง ที่โจทก์ขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและผู้ร้องสอดนั้น ใช้เฉพาะกรณีการทำนิติกรรมสัญญาเท่านั้น คดีละเมิดศาลไม่อาจกำหนดให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลย ผู้ร้องสอดและบริวารและให้ทำที่พิพาทอยู่ในสภาพเดิม หากจำเลยและผู้ร้องสอดไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาและศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืนนั้นจึงไม่ถูกต้อง
พิพากษายืน แต่ให้ยกคำขอที่ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและผู้ร้องสอด.

Share