แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองแบ่งความรับผิดในหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยที่โจทก์รับช่วงสิทธิจากธนาคารมาคนละ146,455บาทความรับผิดของจำเลยทั้งสองที่มีต่อโจทก์จึงสามารถแยกต่างหากจากกันได้หนี้ดังกล่าวมิใช่หนี้ร่วมการคิดทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาจึงต้องแยกตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้องเอาแก่จำเลยที่1และที่2เป็นรายบุคคลหาใช่คำนวณรวมกันเป็นรายเดียวเช่นลูกหนี้ร่วมไม่เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาของจำเลยทั้งสองแยกคำนวณต่างหากจากกันไม่เกินรายละสองแสนบาทแล้วก็ห้ามมิให้จำเลยทั้งสองฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่งที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ ในระหว่างลูกหนี้ร่วมกันทั้งหลายนั้นต่างคนต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่าๆกันเว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา296ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์ย่อมไม่ถูกต้องและเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(5)ประกอบมาตรา246,247
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยทั้งสองร่วมกันกู้เงินจากธนาคาร ทหารไทย จำกัด สาขา พระประแดง เป็นเงิน 300,000 บาทอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 17.5 ต่อปี กำหนดผ่อนชำระเป็นรายเดือนโจทก์จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันการกู้ โจทก์และจำเลยทั้งสองแบ่งเงินกู้ไปคนละ 100,000 บาท และต้องชำระหนี้ในส่วนของตนแต่จำเลยทั้งสองมิได้ชำระหนี้เลย โจทก์ผ่อนชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยแก่ธนาคารไปรวม 10 งวด เป็นเงิน 177,537 บาทแล้วมิได้ชำระอีกธนาคารมีหนังสือทวงถามบอกกล่าวบังคับจำนองโจทก์จึงชำระหนี้ทั้งหมดแก่ธนาคารดังกล่าวเป็นเงิน 261,828 บาท และไถ่ถอนจำนองที่ดินแล้ว หนี้ตามสัญญากู้และสัญญาจำนองเป็นอันระงับโจทก์จึงรับช่วงสิทธิแทนธนาคารที่มีต่อจำเลยทั้งสองเฉพาะส่วนที่โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยทั้งสองเป็นเงินคนละ 146,455 บาท รวมเป็นเงิน 292,910 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 11 มกราคม 2532 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ชำระหนี้งวดสุดท้ายคิดถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย 26,239 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 319,149 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกู้เงินจากธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาพระประแดง กับโจทก์เป็นเงิน 300,000 บาทจริง แต่โจทก์เป็นคนรับเงินกู้ทั้งหมดไปเพียงผู้เดียวเพื่อนำไปชำระค่าซื้อที่ดิน จำเลยทั้งสองไม่ได้รับส่วนแบ่งเงินกู้คนละ 100,000บาท ดังที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้จำนวน 319,149 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไปในต้นเงิน 292,910 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองมิได้รับส่วนแบ่งเงินกู้ที่จำเลยทั้งสองกับโจทก์ร่วมกันกู้มาจากธนาคารคนละ 100,000 บาท ดังที่โจทก์ฟ้อง เป็นข้อโต้เถียงในข้อเท็จจริงเมื่อโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองแบ่งความรับผิดในหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยที่โจทก์รับช่วงสิทธิจากธนาคารมาคนละ 146,455 บาทความรับผิดของจำเลยทั้งสองที่มีต่อโจทก์จึงสามารถแยกต่างหากจากกันได้ หนี้ดังกล่าวจึงมิใช่หนี้ร่วมการคิดทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาจึงต้องแยกตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้องเอาแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นรายบุคคลหาใช่คำนวณรวมกันเป็นรายเดียวเช่นลูกหนี้ร่วมไม่ ดังนั้นเมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาของจำเลยทั้งสองเมื่อแยกคำนวนต่างหากจากกันไม่เกินรายละสองแสนบาทแล้ว ก็ห้ามมิให้จำเลยทั้งสองฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยทั้งสองขึ้นมา จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ แต่เนื่องจากในระหว่างลูกหนี้ร่วมกันทั้งหลายนั้น ต่างคนต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 296 ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์นั้นย่อมไม่ถูกต้องและปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบมาตรา246, 247
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระหนี้แก่โจทก์คนละ 159,574.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 146,455 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และให้ยกฎีกาของจำเลยทั้งสอง คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลยทั้งสอง ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ