แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 22 นอกจากจะมุ่งหมายให้พนักงานฝ่ายปกครองและตำรวจมีอำนาจควบคุมและสอบสวนผู้เป็นภัยต่อสังคมเพื่อการอบรมแล้ว ยังให้อำนาจพนักงานสอบสวนควบคุมผู้นั้นเพื่อดำเนินคดีอาญาโดยไม่ต้องปฏิบัติตามวิธีการและกำหนดระยะเวลาควบคุมดังบัญญัติไว้ในกฎหมายอีกด้วย คดีนี้ นอกจากจำเลยจะถูกเรียกตัวมาสอบสวนเพื่ออบรมฐานเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมแล้ว ยังถูกตั้งข้อหาว่าได้กระทำผิดอาญาด้วย ดังนั้น การที่จำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ระหว่างนั้นต้องถือว่าถูกควบคุมไว้เพื่อสอบสวนคดีความผิดอาญาด้วยจึงชอบที่จะต้องหักวันคุมขังให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 9 ลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ภายในกำหนด 1 ปี
จำเลยชำระค่าปรับโดยคิดหักวันที่ถูกควบคุมฐานเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมออกก่อน
ศาลชั้นต้นสั่งว่า การควบคุมตัวฐานเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมไม่ถือเป็นการคุมขังก่อนศาลพิพากษา จึงนำมาหักค่าปรับไม่ได้
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้หักวันที่จำเลยถูกควบคุมฐานเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมออกจากค่าปรับตามคำพิพากษา
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 22 นอกจากจะให้อำนาจพนักงานฝ่ายปกครองและตำรวจสอบสวนควบคุมตัวบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมไว้เพื่ออบรมตามข้อ 1 และข้อ 2 แล้วยังได้ให้อำนาจพนักงานสอบสวนควบคุมบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาตามข้อ 6 อีกด้วย โดยไม่ต้องปฏิบัติตามวิธีการและกำหนดระยะเวลาควบคุมดังบัญญัติไว้ในกฎหมาย คดีนี้ปรากฏว่านอกจากจำเลยจะถูกเรียกตัวมาสอบสวนเพื่ออบรมฐานเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมแล้ว ยังถูกตั้งข้อหาว่าได้กระทำผิดอาญาตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณีด้วย ดังนั้น การที่จำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ระหว่างนั้นก็ต้องถือว่าถูกควบคุมไว้เพื่อสอบสวนคดีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไปในตัวด้วย จึงชอบที่จะต้องหักวันคุมขังให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22
พิพากษายืน