แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านที่เช่าเพื่อทำการค้าซึ่งมีค่าเช่าเดือนละ 36 บาท จำเลยต่อสู้ว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันเมื่อจำเลยมิได้ยกคำแปลข้อความในสัญญาเป็นข้อต่อสู้ประการใดก็ย่อมถือว่าเป็นคดีมโนสาเร่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา189(1)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำสัญญาเช่าบ้านของโจทก์เพื่อประกอบการค้าค่าเช่าเดือนละ 36 บาท ขอให้ขับไล่ จำเลยต่อสู้ว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่าคดีจึงไม่ใช่คดีมโนสาเร่ ให้ดำเนินคดีต่อไปอย่างคดีแพ่งสามัญ แล้วฟังว่าจำเลยเช่าบ้านโจทก์เป็นที่อยู่อาศัยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นคดีมโนสาเร่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง จึงให้ยกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาปรึกษาว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าบ้านพิพาทของโจทก์ ฝ่ายจำเลยคงรับว่าได้ทำสัญญาเช่าบ้านโจทก์จริงจึงเป็นการตรงกันในลักษณะของสัญญา ไม่จำต้องแปลความหมายอีกส่วนข้อที่ว่าจำเลยเช่าเป็นที่อยู่อาศัยหรือใช้ประกอบการค้าเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาเพื่อทราบถึงเจตนาตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน เพราะฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่าเป็นคดีมโนสาเร่จึงชอบแล้วไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงประการอื่นตามฎีกาโจทก์ต่อไป
จึงพิพากษายืน