คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใบหูเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ประกอบรูปหน้าให้งาม การที่ใบหูหลุดขาดแหว่ง ไปถึงหนึ่งในสาม ย่อมทำให้รูปหน้าเสียความงามอันเป็นการเสียโฉมอย่างติดตัว เป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 แล้ว ความผิดในข้อหาที่โจทก์ฟ้อง กฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นเมื่อจำเลยรับสารภาพศาลก็มีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วพิพากษาคดีได้โดยไม่ต้องสืบพยาน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปากกัดหูของผู้เสียหายจนหลุดขาดแหว่งและจำเลยดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งหน้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297, 393, 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 จำคุก 3 ปี ผิดมาตรา 393 จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 3 ปี1 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน 15 วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยได้ใช้ปากกัดหูซ้ายของผู้เสียหายจนหลุดขาดแหว่งจากส่วนบนของใบหูไปจดติ่งหูประมาณหนึ่งในสามของใบหูทั้งหมด ใบหูนั้นเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ประกอบรูปหน้าให้งามเมื่อใบหูขาดไปถึงหนึ่งในสาม ย่อมทำให้รูปหน้าเสียความงามอันเป็นการเสียโฉมอย่างติดตัว แม้ผู้เสียหายจะรักษาตัวไม่เกิน 14วัน ผู้เสียหายก็ได้รับอันตรายสาหัสแล้ว
ความผิดในข้อหาที่โจทก์ฟ้องกฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลมีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้อง แล้วพิพากษาโดยไม่สืบพยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคแรก โจทก์จึงไม่ต้องนำแพทย์มาสืบหรือนำผู้เสียหายมาให้ศาลดูอีกด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share