คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ใบหูเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ประกอบรูปหน้าให้งามเมื่อใบหูขาดไปถึงหนึ่งในสาม ย่อมจะทำให้รูปหน้าเสียความงามอันเป็นการเสียโฉมอย่างติดตัวแม้ผู้เสียหายจะรักษาตัวไม่เกิน 14 วัน ผู้เสียหายก็ได้รับอันตรายสาหัสแล้ว
ความผิดในข้อหาที่โจทก์ฟ้องกฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องศาลมีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วพิพากษาโดยไม่ สืบพยานได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา297, 393, 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 จำคุก 3 ปี ความผิดตามมาตรา 393 จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 1 เดือน จำเลย ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก1 ปี 6 เดือน 15 วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับต้องใช้เวลารักษาเพียงประมาณ 14 วัน กับใบหน้าผู้เสียหายไม่ได้เสียโฉมติดตัวแต่อย่างใดการกระทำของจำเลยจึงคงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 หาเป็นความผิดตามมาตรา 297 ไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามฟ้องว่าตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยได้ใช้ปากกัดหูซ้ายของนางวิรัตน์หรือ วิรัช ภู่เล็ก ผู้เสียหายจนหลุดขาดแหว่งจากส่วนบนของใบหูไปจดติ่งหู ประมาณ 1 ใน 3 ของใบหูทั้งหมด ใบหูนั้นเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าที่ประกอบรูปหน้าให้งามเมื่อใบหูขาดไปถึงหนึ่งในสามย่อมทำให้รูปหน้าเสียความงามอันเป็นการเสียโฉมอย่างติดตัว แม้ผู้เสียหายจะรักษาตัวไม่เกิน 14 วันผู้เสียหายก็ได้รับอันตรายสาหัสแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้นำแพทย์ผู้ทำการชันสูตรบาดแผลมาสืบ กับมิได้นำผู้เสียหายมาให้ศาลดูนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ความผิดในข้อหาที่โจทก์ฟ้องกฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจึงมีอำนาจที่จะรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วพิพากษาโดยไม่สืบพยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 วรรคแรก โจทก์จึงหาจำต้องนำแพทย์มาสืบหรือนำผู้เสียหายมาให้ศาลดูอีกด้วยไม่ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ปรากฎว่าพฤติการณ์ของคดีนี้เป็นเรื่องจำเลยและผู้เสียหายต่างด่าทอกันแล้ววิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน โดยผู้เสียหายได้ใช้ปากกัดที่มือและนิ้วของจำเลยจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งศาลแขวงธนบุรีได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ปรับ 500 บาท และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393ปรับ 100 บาท ดังนี้ โทษจำคุกจำเลยในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดจึงหนักไป ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดเสียใหม่ และเนื่องจากจำเลยเป็นสตรีมีบุตรที่กำลังศึกษาเล่าเรียนและอยู่ในความอุปการะของจำเลยถึง 3 คน ทั้งไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาว่าผู้เสียหายเป็นญาติกับจำเลยและไม่ติดใจเอาความกับจำเลยอีกต่อไป ทั้งความผิดตามมาตรา 393 จำเลยก็ต้องขังมาพอแก่โทษแล้ว จึงเห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกให้ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา297 (4) จำคุก 1 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา78 คงจำคุก 6 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share