คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7625/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่จำเลยฟ้องขอให้บังคับ ภ. ชำระเงินค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่จำเลยนั้น เมื่อเป็นกรณีที่จำเลยฟ้องภ. ในฐานะเป็นเจ้าของและผู้ขับรถยนต์เก๋งคันเกิดเหตุมิใช่ฟ้อง ภ.ในฐานะผู้แทนของนิติบุคคลหรือผู้มีอำนาจ ทำการแทนนิติบุคคลซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้ แม้ ภ. เป็นกรรมการโจทก์แต่เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีฐานะแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้นทั้งหลาย ถือว่าโจทก์คดีนี้จึงเป็นบุคคลภายนอกมิได้เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลคดีดังกล่าวด้วยดังนี้ ผลแห่งคำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีนั้น และหามีผลผูกพันหรือยันโจทก์คดี นี้ได้ไม่ ในการพิจารณาคดีแพ่งไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ชี้ขาดไว้มาเป็นหลักในการวินิจฉัย แม้ว่าคดีทั้งสองนั้นจะมีมูลกรณีเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกันก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหายรวมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องจำนวน 249,828 บาท และให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของค่าเสียหาย 233,763 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 4 ให้การว่า เหตุละเมิดเกิดจากความประมาทของโจทก์เนื่องจากโจทก์ขับรถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียนก-2175 นครศรีธรรมราช ด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถของโจทก์หลบหนีรถยนต์บรรทุกไม้ซุงซึ่งจอดอยู่ที่ริมถนนทางซ้ายมือของโจทก์ไม่พ้น จึงทำให้รถโจทก์ไปชนรถของจำเลยที่ 4 ซึ่งกำลังจอดให้ผู้โดยสารลงที่ริมถนนบนไหล่ทางเท้าเป็นเหตุให้รถของจำเลยที่ 4ส่วนด้านหน้าเสียหายอย่างมาก และผู้โดยสารบาดเจ็บซึ่งจำเลยที่ 4 ได้ฟ้องโจทก์เป็นจำเลย ตามคดีหมายแพ่งเลขดำที่ 734/2532 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 100,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่าคดีนี้เกี่ยวพันกับคดีที่จำเลยที่ 4 ฟ้องนายอภิรักษ์คนขับรถของโจทก์ซึ่งถึงที่สุดแล้วโดยศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า เหตุที่ชนกันมิได้เกิดจากความประมาทของนายอภิรักษ์จึงต้องฟังข้อเท็จจริงคดีนี้ตามคดีดังกล่าวนั้น เห็นว่า คดีที่จำเลยที่ 4 ฟ้องนายอภิรักษ์ต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอให้บังคับนายอภิรักษ์ชำระเงินค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่จำเลยที่ 4และนายอภิรักษ์ขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3เข้าเป็นจำเลยร่วมตามสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขดำที่734/2532 คดีหมายเลขแดงที่ 799/2534 เอกสารหมาย ล.11 นั้นเป็นกรณีที่จำเลยที่ 4 ฟ้องนายอภิรักษ์ในฐานะเป็นเจ้าของและผู้ขับรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน ก-2175 นครศรีธรรมราชมิใช่ฟ้องในฐานะผู้แทนของนิติบุคคลหรือผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคลซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้แม้นายอภิรักษ์จะเป็นกรรมการโจทก์ แต่เมื่อโจทก์คดีนี้เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีฐานะแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้นทั้งหลาย ถือว่าโจทก์คดีนี้เป็นบุคคลภายนอกมิได้เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลคดีดังกล่าวด้วยผลแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีดังกล่าวที่ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าเหตุที่รถชนกันมิได้เกิดจากความประมาทของนายอภิรักษ์ย่อมผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเท่านั้น หามีผลผูกพันหรือยันโจทก์คดีนี้ได้ไม่ ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่งอีกทั้งการพิพากษาคดีแพ่งหาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ชี้ขาดไว้มาเป็นหลักในการวินิจฉัย แม้คดีทั้งสองนั้นจะมีมูลกรณีเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกันก็ตาม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนคดีนี้เป็นสำคัญแล้ววินิจฉัยว่าเหตุที่รถชนกันเกิดจากความประมาทของนายอภิรักษ์อยู่ส่วนหนึ่งด้วยนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share