คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7526/2561

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่สายลับซึ่งเป็นคนรักเก่าของจำเลยชักชวนให้จำเลยมาร่วมเสพเมทแอมเฟตามีนที่ห้องพักที่เกิดเหตุ โดยได้มอบธนบัตรจำนวน 1,500 บาท ให้จำเลยเพื่อไปเอาเมทแอมเฟตามีนมาให้ เมื่อจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนมามอบให้สายลับ 10 เม็ด จากนั้นได้ร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีนไป 4 เม็ด พฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยรับหน้าที่ไปซื้อเมทแอมเฟตามีนมาให้สายลับและพวก และร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีนส่วนหนึ่งนั้น โดยจำเลยไม่ได้ประโยชน์อื่นตอบแทนในการนี้ ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความผิดที่โจทก์ฟ้อง ย่อมลงโทษจำเลยตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 215, 225 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และคุมความประพฤติของจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ของกลางให้คืนแก่เจ้าของ ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนแต่เพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 4 ปี คำให้การชั้นจับกุมของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี โดยไม่รอการลงโทษ ส่วนความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนให้บังคับคดีลงโทษไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ไม่คุมความประพฤติ ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 เวลา 22.30 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ภายในห้องพักหมายเลข 2 ที่รีสอร์ต และยึดโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง จากกระเป๋ากางเกงของจำเลย จากการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของจำเลยพบว่า ในวันเกิดเหตุสายลับโทรศัพท์หาจำเลย 2 ครั้ง เวลา 19.34 นาฬิกา และ 21.03 นาฬิกา ส่วนจำเลยโทรศัพท์ไปยังเครื่องโทรศัพท์ของสายลับ 3 ครั้ง เวลา 19.41 นาฬิกา 21.52 นาฬิกา และ 22.21 นาฬิกา สำหรับความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน คู่ความไม่ได้อุทธรณ์ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องหรือไม่ ได้ความจากคำเบิกความพยานโจทก์ปากร้อยตำรวจโท นรินทร ร้อยตำรวจตรี ณรงค์รัชช์ และดาบตำรวจ เกรียงไกร ซึ่งเป็นผู้ร่วมจับกุมว่า วันเกิดเหตุเวลา 19 นาฬิกา มีสายลับเป็นหญิงโทรศัพท์มาหาร้อยตำรวจโท นรินทร แจ้งว่าจำเลยมีพฤติการณ์จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและสามารถติดต่อล่อซื้อได้ ต่อมาประมาณ 10 นาที สายลับและเพื่อนหญิงอีกคนหนึ่งมาพบร้อยตำรวจโท นรินทร สายลับได้โทรศัพท์ติดต่อขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยจำนวน 10 เม็ด ราคา 1,500 บาท โดยตกลงกันว่าไปรอรับที่รีสอร์ต จากนั้นมีการวางแผนจับกุมโดยแบ่งกำลังเจ้าพนักงานตำรวจเป็น 2 ชุด ชุดแรกมีร้อยตำรวจตรี ณรงค์รัชช์ เป็นหัวหน้าชุด ไปซุ่มอยู่ด้านทิศตะวันตกของห้องพักที่สายลับจะไปเปิดรอจำเลย ส่วนชุดที่ 2 มีร้อยตำรวจโท นรินทรเป็นหัวหน้าชุดกับพวกอีก 5 คน ไปซุ่มอยู่ด้านทิศตะวันออกของห้องพัก มีการค้นตัวสายลับไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงมอบธนบัตรจำนวน 1,500 บาท ที่ถ่ายสำเนาไว้แล้ว ให้แก่สายลับเพื่อนำไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีน เวลาประมาณ 21 นาฬิกา สายลับกับเพื่อนไปเปิดห้องพักหมายเลข 2 ที่รีสอร์ตดังกล่าว และเจ้าพนักงานตำรวจทั้ง 2 ชุด แยกไปซุ่มดูเหตุการณ์ตามจุดที่ตกลงกันไว้ ตามแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุ เมื่อสายลับเข้าไปในห้องพักแล้วได้โทรศัพท์แจ้งให้จำเลยมาพบ ต่อมาประมาณ 10 นาที จำเลยเข้าไปพบสายลับในห้องเป็นเวลาประมาณ 5 นาที จึงขับรถจักรยานยนต์ออกไป สายลับแจ้งแก่ร้อยตำรวจตรี ณรงค์รัชช์ว่าได้มอบเงินที่ใช้ล่อซื้อให้จำเลยไปแล้วและจำเลยออกไปนำเมทแอมเฟตามีนมาให้ ต่อมาประมาณ 40 นาที จำเลยขับรถจักรยานยนต์กลับเข้ามาและเดินเข้าไปในห้องพัก ประมาณ 5 นาที สายลับเดินออกจากห้องพักและนำเมทแอมเฟตามีน 6 เม็ด มอบให้แก่ร้อยตำรวจตรี ณรงค์รัชช์ เมื่อสายลับกลับเข้าไปในห้องเจ้าพนักงานตำรวจที่ซุ่มอยู่จึงตรงเข้าจับกุมจำเลย ชั้นจับกุมแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่า มียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ ตามคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวน เห็นว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ขณะมีการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างสายลับและจำเลยมาเบิกความ ส่วนการใช้โทรศัพท์ติดต่อกันระหว่างสายลับกับจำเลยก็ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าพูดคุยเรื่องอะไรกัน ลำพังคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมซึ่งแม้มีรายการอื่นประกอบก็ไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้อง แต่จำเลยนำสืบเจือสมพยานโจทก์ส่วนหนึ่งว่า วันเกิดเหตุสายลับซึ่งเป็นคนรักเก่าของจำเลยโทรศัพท์ชวนให้จำเลยมาร่วมเสพเมทแอมเฟตามีนที่ห้องพักเกิดเหตุและถูกจับกุมหลังจากร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีนแล้ว ในข้อนี้ได้ความจากพยานโจทก์ทั้งสองปากดังกล่าวเบิกความตรงกันว่า วันเกิดเหตุจำเลยขับรถจักรยานยนต์มาหาสายลับที่ห้องพัก สายลับได้มอบธนบัตรจำนวน 1,500 บาท แก่จำเลย แล้วจำเลยขับรถจักรยานยนต์ออกไปเพื่อเอาเมทแอมเฟตามีนมาให้ สักครู่จำเลยกลับมาพร้อมนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10 เม็ด มามอบให้สายลับ แล้วร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีนไป 4 เม็ด คงเหลือ 6 เม็ด ที่สายลับนำมามอบให้เจ้าพนักงานตำรวจ ซึ่งนำให้จำเลยดูแล้ว จำเลยบอกว่าออกไปซื้อเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจากนายบีด โดยซื้อมา 10 เม็ด ราคา 1,500 บาท ซึ่งสอดคล้องกับบันทึกการจับกุมที่ระบุไว้ว่าจำเลยเดินทางมาที่ห้องพักแล้วออกไปนำเมทแอมเฟตามีนมามอบให้สายลับ พยานโจทก์ในส่วนนี้ปราศจากพิรุธสงสัยรับฟังได้ว่า จำเลยรับเงินจากสายลับจำนวน 1,500 บาท แล้วนำไปซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 10 เม็ด มามอบให้สายลับจากนั้นร่วมกับสายลับและพวกเสพเมทแอมเฟตามีนไป 4 เม็ด พฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยรับหน้าที่ไปซื้อเมทแอมเฟตามีนมาให้สายลับแล้วร่วมกับสายลับและพวกเสพเมทแอมเฟตามีนส่วนหนึ่งนั้น โดยจำเลยไม่ได้ประโยชน์อื่นตอบแทนในการนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ คงรับฟังว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความผิดที่โจทก์ฟ้อง ย่อมลงโทษจำเลยตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 215, 225 และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุก 2 ปี และปรับ 20,000 บาท คำให้การในชั้นจับกุมของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 15,000 บาท รวมกับโทษในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วเป็นจำคุก 1 ปี 9 เดือน และปรับ 20,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี และคุมความประพฤติจำเลย 1 ปี นับแต่วันอ่านคำพิพากษานี้ให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ตามวันเวลาที่พนักงานคุมประพฤติกำหนด กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share