คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์กอดปล้ำภริยาจำเลย จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์เพื่อช่วยภริยาจำเลยมิให้โจทก์ใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำภริยาจำเลยต่อไปเพียง1 ครั้ง เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมากับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 538/2533 ของศาลชั้นต้น แต่คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยคู่ความมิได้อุทธรณ์คงขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาเฉพาะคดีนี้
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยใช้ไม้เป็นอาวุธตีทำร้ายโจทก์ 1 ครั้งถูกบริเวณกกหูด้านซ้าย เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(7), 298
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 จำคุกจำเลย 1 ปี และปรับอีก 2,000 บาท กรณีเป็นการวิวาทกันระหว่างวงศ์ญาติ และจำเลยเป็นข้าราชการครู เพื่อให้โอกาสแก่จำเลยจะได้กลับตัวเป็นพลเมืองดีของชาติต่อไป โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้คุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 3 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก2 เดือนต่อครั้ง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยใช้ไม้ตีทำร้ายโจทก์ 1 ครั้ง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บ คดีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ตามที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานทำร้ายโจทก์หรือไม่ ในปัญหานี้โจทก์มีตัวโจทก์ และนางประเสริฐทัตพรหม ภริยาโจทก์เบิกความเป็นพยานว่า ขณะที่นางประเสริฐภริยาโจทก์กำลังทะเลาะกับนางประสานศรี ภริยาจำเลย โจทก์ลงจากบ้านมาห้ามภริยาโจทก์ให้กลับบ้าน จำเลยวิ่งเข้ามาใช้ไม้ตีโจทก์1 ครั้ง นอกจากนี้โจทก์มีนายบำรุง ทองสุข นายฉลวย ศึกษา และนายกุหลาบ เดชปกครอง เพื่อนบ้านโจทก์เบิกความเป็นพยานด้วยว่าพยานได้ยินภริยาโจทก์และภริยาจำเลยทะเลาะกัน พยานมาแอบซุ่มดูเหตุการณ์เห็นจำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ ศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวแล้ว เห็นว่า หากโจทก์ลงจากบ้านมาห้ามมิให้ภริยาโจทก์ทะเลาะกับภริยาจำเลย และจูงมือภริยาโจทก์กลับไปบ้านตามที่ตัวโจทก์และภริยาโจทก์เบิกความ ก็ไม่มีเหตุที่จำเลยจะเข้าไปใช้ไม้ตีโจทก์แต่อย่างใด นอกจากนี้แล้ว ที่โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า จำเลยตีกกหูด้านซ้ายของโจทก์ขณะที่โจทก์จับมือซ้ายของภริยาโจทก์ซึ่งสูงใกล้เคียงกับโจทก์และโจทก์กำลังหันเพื่อจะกลับบ้านโดยภริยาโจทก์อยู่ข้างซ้ายนั้น ก็เห็นว่าหากจำเลยใช้ไม้ตีโจทก์เช่นนั้น ไม้ที่จำเลยใช้ตีย่อมต้องถูกภริยาโจทก์ซึ่งอยู่ที่ด้านซ้ายของโจทก์ด้วย แต่ไม่ปรากฏว่าภริยาโจทก์ถูกไม้ที่จำเลยตีแต่อย่างใด และแม้โจทก์มีนายบำรุง นายฉลวย และนายกุหลาบเบิกความยืนยันว่า พยานดังกล่าวแอบซุ่มดูเหตุการณ์เห็นจำเลยใช้ไม้ตีโจทก์เช่นนั้น แต่เมื่อได้ความตามคำเบิกความตอบทนายโจทก์ถามติงของนายกุหลาบว่า ภริยาโจทก์และภริยาจำเลยทะเลาะกันเป็นประจำ จึงไม่น่าเชื่อว่านายบำรุง นายฉลวย และนายกุหลาบจะสนใจมาแอบซุ่มดูเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุตามที่เบิกความนั้น พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อได้ว่าจำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ในขณะที่โจทก์เข้าไปห้ามมิให้ภริยาโจทก์ทะเลาะกับภริยาจำเลยและจูงมือภริยาโจทก์ให้กลับบ้าน ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า โจทก์กอดภริยาจำเลย ภริยาจำเลยร้องให้จำเลยช่วย จำเลยจึงใช้ไม้ตีโจทก์เพื่อให้โจทก์หยุดกอดปล้ำภริยาจำเลยนั้น จำเลยมีตัวจำเลยและนางประสานศรีภริยาจำเลยเบิกความสอดคล้องต้องกันว่า จำเลยกลับมาจากทำงานขับรถจักรยานยนต์มาถึงบ้านและเรียกให้ภริยาจำเลยลงไปคุยกับจำเลยเรื่องจะขายที่ดิน ภริยาจำเลยลงไปคุยกับจำเลยโดยนางทองสุขมารดาภริยาจำเลยลงไปคุยด้วย ระหว่างคุยกันได้ยินโจทก์ตะโกนด่าว่าจะถลกหนังเหี้ยหลายครั้ง แล้วโจทก์เดินมาท้าจำเลยให้ชกต่อยกับโจทก์ นางทองสุขเห็นว่าโจทก์เมามากจึงเข้าไปห้ามให้โจทก์กลับไปบ้าน ภริยาจำเลยเข้าไปดึงนางทองสุขกลับออกมา โจทก์กอดภริยาจำเลย ภริยาจำเลยร้องให้จำเลยช่วย จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ไป 1 ครั้ง ต่อมาภริยาจำเลยไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาโจทก์ว่ากระทำอนาจารภริยาจำเลย นอกจากนี้แล้วจำเลยยังมีคำเบิกความของนายแผ้วเอกสารหมาย ล.4 และคำเบิกความของนางทองสุข เอกสารหมาย ล.5 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 638/2532,928/2532 หมายเลขแดงที่ 127-128/2532 ของศาลชั้นต้นที่โจทก์ถูกพนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและนางประสานศรีภริยาจำเลยฟ้องเป็นจำเลยในข้อหากระทำอนาจารเป็นพยานหลักฐานประกอบอีกด้วยซึ่งปรากฏว่าคำเบิกความของนายแผ้วและนางทองสุขดังกล่าวสอดคล้องกับคำเบิกความของจำเลยและนางประสานศรีภริยาจำเลย ไม่มีเหตุที่จะระแวงสงสัยว่า นายแผ้วและนางทองสุขจะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายโจทก์ คำเบิกความของนายแผ้วและนางทองสุขสอดคล้องกับคำเบิกความของจำเลยและนางประสานศรีภริยาจำเลยเช่นนี้ ทำให้พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ ฟังได้ว่าโจทก์กอดปล้ำภริยาจำเลย ทำให้จำเลยต้องใช้ไม้ตีโจทก์เพื่อช่วยภริยาจำเลยมิให้โจทก์ใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำภริยาจำเลยต่อไป การที่จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์เพียง 1 ครั้งนั้นเห็นได้ว่าเป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดและลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share