แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโดยอ้างว่าจำเลยอาศัยหรือบุกรุก เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเช่าที่ดินนั้นปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ คดีก็ต้องยกฟ้องโจทก์
จำเลยเช่าที่ดินปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ก่อนเพลิงไหม้การที่จำเลยเข้าไปปลูกบ้านเรือนในตอนหลังย่อมไม่เป็นการละเมิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับผู้อื่นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและได้ใช้สิทธิครอบครองตลอดมา เมื่อเดือนมกราคม 2499 ได้เกิดเพลิงไหม้อาคารบ้านเรือนเป็นส่วนมาก ในเดือนนั้นจำเลยแต่ละคนได้ละเมิดสิทธิของโจทก์โดยบุกรุกเข้ามาปลูกโรงเรือนในที่ดินบางส่วนของโจทก์บริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ โดย จำเลยไม่มีอำนาจตามกฎหมายขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างขับไล่และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า ได้อยู่ในที่พิพาทก่อนถูกเพลิงไหม้ โดยเช่าที่ดินจากตัวแทนเจ้าของเดิมบ้างตัวแทนโจทก์บ้าง เมื่อเพลิงไหม้โรงเรือนที่จำเลยอาศัยแล้ว ต่างปลูกเพิงพักอาศัยในที่ดินซึ่งได้เช่าอยู่มานั้น
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เพลิงไหม้บ้านเรือนซึ่งปลูกอยู่ในที่เช่าสัญญาเช่าที่ดินไม่ระงับจำเลยจึงมีสิทธิปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินที่เช่าได้อีก จำเลยไม่ได้บุกรุกละเมิดสิทธิของโจทก์ดังฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกเข้ามาเมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้ว แต่ความจริงจำเลยได้ใช้สิทธิครอบครองโดยอาศัยความคุ้มครองจากสัญญาเช่ามาก่อนเพลิงไหม้ และเมื่อเกิดเพลิงไหม้ก็ปลูกเพิงอาศัยในที่ซึ่งเคยเช่าและครอบครองอยู่มานั้นโจทก์ไม่ได้ฟ้องอ้างว่าได้ใช้สิทธิเลิกการเช่ากับจำเลยแล้ว ก็ต้องยกฟ้องโดยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยกรณีที่โรงเรือนถูกเพลิงไหม้ไปหมดแล้ว จำเลยจะยังได้รับความคุ้มครองจากการเช่าต่อไปอีกหรือไม่ศาลอุทธรณ์คงพิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโดยอ้างว่าจำเลยอาศัยหรือบุกรุกนั้น เมื่อพิจารณาได้ความว่าจำเลยเช่าที่นั้นปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่แล้วคดีก็ต้องยกฟ้องโจทก์และคดีเรื่องนี้เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าที่ดินปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ก่อนเพลิงไหม้ การที่จำเลยเข้าไปปลูกบ้านเรือนในตอนหลังนี้ก็ย่อมไม่เป็นการละเมิด
พิพากษายืน