คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำหนังสือสัญญาขายที่ดิน ให้โจทก์มีข้อความว่า “การขายรายนี้เป็นการขายเฉพาะส่วนของผู้ขายเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ของผู้มีส่วนร่วมอื่น ทั้งไม่ทราบเขตและเนื้อที่มากน้อยเพียงใดด้วย” ซึ่งปรากฏว่าจำเลยมีส่วนอยู่ 1 ใน 4 อันเป็นส่วนเฉพาะในโฉนดที่ดินแปลงนั้น ดังนี้ จำเลยจะขอสืบว่าได้ตกลงจะขายเป็นบางส่วนของตนไม่ได้ เพราะเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94

ย่อยาว

ได้ความว่า ที่ดินโฉนดที่ ๖๗๖ นางสาวฉวีวรรณ กับพวก รวม๔ คน เข้าหุ้นกันซื้อและขอแบ่งแยกออกเป็น ๘ ส่วน คือคนละ ๒ ส่วนต่อมานางสาวฉวีวรรณจำเลยได้ทำสัญญาขายที่ดิน เฉพาะส่วนของตนให้แก่โจทก์ที่ ๒ ทำสัญญากัน ณ หอทะเบียนที่ดิน คือ เอกสารหมาย จ.๒ ซึ่งมีข้อความว่า การขายรายนี้เป็นการขายเฉพาะส่วนของผู้ขายเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ของผู้มีส่วนร่วมอื่น ทั้งไม่ทราบเขตและเนื้อที่มากน้อยเพียงใดด้วย เมื่อหอทะเบียนที่ดินแบ่งแยกเสร็จแล้ว กลับปรากฏว่าที่ดินเฉพาะส่วนของนางฉวีวรรณ ๒ แปลงมีชื่อนางฉวีวรรณแปลงเดียว อีกแปลงหนึ่งกลับมีชื่อนายสุพรรณจำเลยที่ ๒ โจทก์จึงฟ้องจอให้ถอนชื่อนายสุพรรณออกจากโฉนดและใส่ชื่อโจทก์ที่ ๒ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ต่อไป
ศาลชั้นต้นสอบคู่ความแล้ว จำเลยที่ ๒ แถลงขอสืบว่า ที่ใส่ชื่อนายสุพรรณจำเลยที่ ๒เป็นนิติกรรมอำพราง ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน จำเลยที่ ๒ แล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยที่ ๒ และจำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ว่านางสาวฉวีวรรณจำเลยร่วมจะขายเพียงบางส่วนของตนให้โจทก์ หาใช่ขายส่วนของคนคือ ๑ ใน ๔ อันเป็นเฉพาะส่วนของตนในเนื้อที่ในโฉนด ๖๗๖ ตามที่ปรากฏในสัญญาไม่ ดังนั้น การที่จำเลยจะขอสืบพยานตามข้อโต้เถียง จึงเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความแห่งสัญญา หมาย จ.๒ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๙๔
พิพากษายืน

Share