แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ทำสัญญาซื้อขายเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากับจำเลยทั้งสามที่บริษัทจำเลยที่ 3 ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานครโดยมีข้อตกลงให้จำเลยทั้งสามนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไปส่งมอบและติดตั้งให้แก่โจทก์ ณ จังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยเงื่อนไขว่า เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะต้องเดินเครื่องยนต์และจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องตามคุณสมบัติที่ตกลงกัน โจทก์จึงจะชำระราคาที่เหลือให้แก่จำเลยทั้งสาม เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสามนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามข้อกำหนดในสัญญาไปส่งมอบและติดตั้งอันเป็นการผิดสัญญา ก็เท่ากับมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาซื้อขายดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขในการส่งมอบและติดตั้งจังหวัดราชบุรี จึงเป็นสถานที่ที่มูลคดีเกิดขึ้นอีกแห่งหนึ่งด้วย โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลจังหวัดราชบุรีขอให้คืนเงินค่าสินค้าที่ชำระไปแล้วแก่โจทก์และขนย้ายเครื่องกำเนิดไฟฟ้าออกไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2542 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะส่วนตัวและในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 3 ได้ร่วมกันทำสัญญาขายเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ให้แก่โจทก์ในราคา 39,727 ปอนด์สเตอร์ลิง ตกลงส่งมอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อประกอบและติดตั้ง ณ สำนักงานสาขาของโจทก์ที่จังหวัดราชบุรี โจทก์ชำระค่าสินค้างวดแรกให้แก่จำเลยทั้งสามรวมทั้งค่าภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แล้วเป็นเงิน 2,595,988.07 บาท แต่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่จำเลยทั้งสามติดตั้งให้แก่โจทก์มีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่ตกลงซื้อขายเพราะไม่สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้ตามข้อกำหนดในสัญญา จำเลยทั้งสามจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาต้องคืนเงินค่าสินค้าที่โจทก์ชำระไปแล้วพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 3,236,872.60 บาท แก่โจทก์ และให้ร่วมกันขนย้ายเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ของจำเลยทั้งสามออกไปจากสำนักงานสาขาของโจทก์เลขที่ 88 หมู่ที่ 2 ตำบลดอนทราย อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี โดยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสาม
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว เห็นว่า มูลคดีและภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสามมิได้อยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้น จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดให้แก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า ศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดราชบุรี) มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องรับฟังได้ว่า โจทก์ทำสัญญาซื้อขายเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์กับจำเลยทั้งสามที่บริษัทจำเลยที่ 3 ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานครโดยมีข้อตกลงให้จำเลยทั้งสามนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไปส่งมอบและติดตั้งให้แก่โจทก์ ณ จังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยเงื่อนไขว่า เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะต้องเดินเครื่องยนต์และจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องตามคุณสมบัติที่ตกลงกัน โจทก์จึงจะชำระราคาที่เหลือให้แก่จำเลยทั้งสาม เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสามนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามข้อกำหนดในสัญญาไปส่งมอบและติดตั้งอันเป็นการผิดสัญญา ก็เท่ากับมีข้อโต้แย้งเกิดเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาซื้อขายดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขในการส่งมอบและติดตั้ง จังหวัดราชบุรีซึ่งเป็นสถานที่ที่ต้องมีการส่งมอบและติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจึงเป็นสถานที่ที่มูลคดีเกิดขึ้นอีกแห่งหนึ่งด้วย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลจังหวัดราชบุรีได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ศาลจังหวัดราชบุรีรับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ