คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 487/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหาย เหตุที่จำเลยฟันทำร้ายผู้เสียหายเนื่องจากเข้าใจผิดว่าผู้เสียหายเป็นนาย ค.ซึ่งมีเหตุวิวาทกันมาก่อนจำเลยจะยกเอาความสำคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ ต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาที่จะกระทำต่อนายค.เช่นใด ก็ต้องรับผิดในผลของการกระทำที่เกิดขึ้นแก่ผู้เสียหายเช่นนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 61 การที่จำเลยหยิบฉวยมีดอีโต้ในบ้านที่เกิดเหตุ ไม่ใช่อาวุธที่ตระเตรียมมาก่อน ฟันทำร้ายผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวโดยมิได้เจาะจงว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยเฉพาะ ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บง่ามมือซ้ายฉีกเกือบขาด อาจเป็นเพราะส่วนนั้นไม่มีส่วนแข็งหรือกระดูกที่ป้องกันคมมีดได้ดีสาเหตุที่ทำร้ายนายค.ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเสมอในวงสุรา จำเลยจึงไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเพียงผิดฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้มีดอีโต้เป็นอาวุธฟันศีรษะผู้เสียหาย1 ครั้งอย่างแรง โดยจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย โดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำเลยลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผลเนื่องจากผู้เสียหายหลบได้ทันและใช้มือปัดป้องไว้ จำเลยจึงฟันถูกระหว่างง่ามนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ของผู้เสียหายจนเกือบขาดผู้เสียหายได้รับการรักษาจากแพทย์ทันท่วงทีจึงไม่ถึงแก่ความตายดังเจตนาของจำเลยเพียงได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288, 289
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297(8) วางโทษจำคุก 4 ปี คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาประกอบกับจำเลยได้ใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายบางส่วนอันเป็นการบรรเทาผลร้าย และจำเลยได้มอบตัวต่อเจ้าพนักงาน มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 80, 52(1) ให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาประกอบกับจำเลยได้ใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายบางส่วนเป็นการบรรเทาผลร้ายและจำเลยได้มอบตัวต่อเจ้าพนักงานมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78เมื่อเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปีตามมาตรา 53คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 25 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ปัญหานี้จำเลยไม่ฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงโดยรับว่าจำเลยใช้มีดอีโต้เป็นอาวุธฟันผู้เสียหายหนึ่งครั้งเพียงแต่เท้าความว่า จำเลยเคยให้การในชั้นสอบสวนว่า ตั้งใจจะทำร้ายนายเครือ อ่อนจิ๋ว ซึ่งมีสาเหตุกันมาก่อนจึงพอจะอนุมานได้ว่า เหตุที่จำเลยฟันผู้เสียหายเป็นการทำร้ายโดยเข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นนายเครือ อย่างไรก็ดีข้อเท็จจริงที่ไม่ได้โต้เถียงกันต้องรับฟังเป็นยุติว่า มีดอีโต้ที่จำเลยใช้เป็นอาวุธฟันผู้เสียหายมีขนาดตามคำฟ้องกล่าวคือใบมีดกว้าง 2.5 นิ้ว ยาวตลอดด้าม 18 นิ้ว ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บที่โคนนิ้วหัวแม่มือซ้ายเกือบขาดเหลือหนังติดประมาณ 3 เซนติเมตรกระดูกโคนนิ้วหัวแม่มือซ้ายหัก ผู้เสียหายถูกทำร้ายขณะที่ลงจากบันไดเรือนของนายทวน อ่อนจิ๋ว ถึงพื้นดินแล้ว พร้อมกับนายเครือโดยจำเลยกรากเข้ามาฟันตรงบริเวณศีรษะของผู้เสียหายในขณะนั้นแต่ผู้เสียหายยกมือซ้ายขึ้นรับจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนเหตุการณ์ก่อนที่มีการทำร้ายเกิดขึ้น ได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายและจำเลยร่วมวงดื่มสุรากับนายทวน นายเครือและนายบำเพ็ญในระหว่างนั้นมีเหตุวิวาทชกต่อยกันระหว่างนายเครือกับจำเลยทำให้จำเลยถูกนายเครือขึ้นเข่าจนทรุดลงกับพื้นข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ดังกล่าวแล้ว เห็นว่า ผู้เสียหายไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย เหตุที่จำเลยฟันทำร้ายผู้เสียหายเชื่อว่าเนื่องจากเป็นการเข้าใจผิดของจำเลยว่าผู้เสียหายเป็นนายเครือ ซึ่งมีเหตุวิวาทกันในระหว่างร่วมวงดื่มสุราก่อนนั้น แต่อย่างไรก็ตาม จำเลยจะยกเอาความสำคัญผิดขึ้นมาเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาที่จะกระทำต่อนายเครือเช่นใด ก็ต้องรับผิดในผลของการกระทำที่เกิดขึ้นแก่ผู้เสียหายเช่นนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 61 ส่วนการกระทำของจำเลยนั้นพิจารณาแล้ว มีเหตุผลให้เชื่อว่า หลังจากวิวาทชกต่อยกับนายเครือ จำเลยย่อมจะคุมแค้นนายเครือผู้เป็นต้นเหตุทำร้ายขึ้นเข่าถูกบริเวณข้างลำตัวของจำเลยจนทรุดลงกับพื้น นอกจากนี้ในระหว่างร่วมวงสุรากันนายเครือยังกีดกันมิให้จำเลยดื่มสุราและสูบบุหรี่อีกด้วย การกระทำของนายเครือคงจะสร้างความไม่พอใจให้แก่จำเลยมาก ดังจะเห็นได้จากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยว่าขณะนั้นจำเลยมึนเมาสุราและโมโหนายเครือจึงคิดจะดักทำร้ายนายเครือ ได้หาไม้เพื่อตีทำร้ายแต่ไปพบมีดอีโต้ที่หลังบ้านเสียก่อน ดังนี้ จะเห็นว่าอาวุธที่จำเลยใช้ทำร้ายก็เป็นการหยิบฉวยเอาตามอารมณ์โกรธของจำเลยในขณะนั้น และเป็นมีดที่อยู่ในบ้านเรือนของนายทวน หาใช่อาวุธที่ตระเตรียมการมาล่วงหน้าไม่ การดักทำร้ายก็ตรงเข้าไปฟันผู้เสียหายโดยเข้าใจว่าเป็นนายเครือในขณะที่ผู้เสียหายและนายเครือลงมาจากเรือนพร้อมกัน การเงื้อมีดขึ้นฟันผู้เสียหายมีลักษณะฟันลงไปตรง ๆ ที่ตัวผู้เสียหาย มิได้เลือกตำแหน่งร่างกายที่เจตนาเจาะจงทำร้ายว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยเฉพาะ ทั้งการฟันทำร้ายก็ฟันเพียงครั้งเดียวไม่ได้ซ้ำเติมอีก พฤติการณ์เหล่านี้เชื่อว่า จำเลยมีเจตนาเพียงที่จะทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น ที่ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บง่ามมือซ้ายฉีกเกือบขาด อาจเป็นเพราะร่างกายในส่วนนั้นไม่มีส่วนแข็งหรือกระดูกที่ป้องกันคมมีดได้ดี เมื่อคำนึงว่าสาเหตุที่เป็นมูลจูงใจให้จำเลยทำร้ายผู้เสียหายซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นนายเครือ เป็นสาเหตุเล็กน้อยที่ปกติเกิดขึ้นเสมอในวงสุรา จึงเห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยต้องรับผิดเพียงข้อหาทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัสดังที่ศาลชั้นต้นปรับบทและลงโทษมาเท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share