คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7518/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์อ้างว่า จำเลยทั้งสามเป็นข้าราชการในสังกัดของโจทก์ ปฏิบัติหน้าที่โดยบกพร่อง มิได้ใช้ความระมัดระวังในการเก็บรักษาพัสดุ ไม่ตรวจสอบพัสดุที่เก็บไว้ว่ามีจำนวนตรงกับที่ปรากฏในบัญชีคุมพัสดุหรือไม่ เป็นเหตุให้พัสดุที่เก็บรักษาไว้ในห้องเก็บพัสดุสูญหาย มิได้อ้างว่าจำเลยทั้งสามเอาทรัพย์ดังกล่าวไปในลักษณะแย่งการครอบครองแล้วไม่สามารถคืนทรัพย์ได้ ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นเรื่องของการใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดซึ่งมีอายุความ 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 วรรคหนึ่ง มิใช่มีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันคืนพัสดุตามฟ้องให้แก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ร่วมกันใช้ราคาแทนเป็นเงิน 140,820 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกนางบังอรทายาทของจำเลยที่ 1 เข้ามาเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เป็นประการแรกว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า คดีนี้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันคืนทรัพย์ที่สูญหายไป หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน ซึ่งคำขอให้คืนทรัพย์หรือให้ใช้ราคาแทนนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้กำหนดอายุความไว้เป็นการเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ เห็นว่า แม้การฟ้องขอให้ใช้ราคาแทนในกรณีไม่สามารถคืนทรัพย์ได้จะมีอายุความ 10 ปี และคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้คืนทรัพย์หรือใช้ราคามาด้วย แต่เมื่อตามคำฟ้องโจทก์ยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงว่า จำเลยทั้งสามปฏิบัติหน้าที่โดยบกพร่อง มิได้ใช้ความระมัดระวังในการเก็บรักษาพัสดุ ทั้งไม่ได้ใส่ใจตรวจสอบพัสดุที่เก็บไว้ว่ามีจำนวนตรงกับที่ปรากฏในบัญชีคุมพัสดุหรือไม่ เป็นเหตุให้พัสดุที่เก็บรักษาไว้สูญหายไป มิได้อ้างว่าจำเลยทั้งสามเป็นคนเอาทรัพย์ดังกล่าวไปในลักษณะแย่งการครอบครองแล้วไม่สามารถคืนทรัพย์ดังกล่าวได้ ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นเรื่องของการใช้สิทธิเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดซึ่งมีอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่ง หาใช่มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 ที่โจทก์ฎีกาไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ทราบว่าทรัพย์ของโจทก์สูญหายไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2538 โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 29 กันยายน 2541 จึงพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share