คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และจำหน่ายสลากกินรวบโดยไม่รับอนุญาต เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องเพราะข้อเท็จจริงไม่พอฟังลงโทษ แต่โพยสลากกินรวบของกลางฟังได้ว่าเป็นโพยที่จำเลยอื่นซึ่งถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วใช้ในการเล่นสลากกินรวบรายนี้กัน ดังนี้ ศาลก็ย่อมสั่งริบเสียได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2507)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามนี้กับพวกที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วในอีกสำนวนหนึ่งได้บังอาจสมคบกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และจำหน่ายสลากกินรวบพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 1-2 ได้พร้อมโพยสลากกินรวบ 50 ชิ้นซึ่งใช้เป็นอุปกรณ์ในการจำหน่ายสลากกินรวบของจำเลยเป็นของกลางขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยที่ 2-3 กับริบของกลาง

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามผิดตามพระราชบัญญัติการพนันลงโทษจำเลยที่ 1 สองเดือน ปรับ 1,000 บาท จำเลยที่ 2-3 คนละ 5 เดือน 15 วัน และปรับคนละ 2,000 บาท ริบของกลาง

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานหลักฐานไม่พอฟังลงโทษ พิพากษากลับยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ชอบแล้ว ส่วนของกลางที่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้สั่งประการใด และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเป็นโพยที่จำเลยอื่นซึ่งถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วใช้ในการเล่นสลากกินรวบรายนี้กันนั้น ศาลจะสั่งริบได้หรือไม่ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า ในการริบของกลางนั้น ประมวลกฎหมายอาญาได้บัญญัติไว้เป็นพิเศษ มุ่งถึงตัวทรัพย์ ไม่ได้มุ่งถึงตัวบุคคลผู้กระทำความผิด ดังจะเห็นได้ตามมาตรา 32 ว่า เป็นบทบังคับให้ศาลริบเสียทั้งสิ้น โดยไม่คำนึงว่าทรัพย์นั้นเป็นของผู้กระทำผิดและมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ ส่วนมาตรา 33 ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลซึ่งถ้าหากเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดเช่นคดีนี้ ก็ย่อมสั่งริบเสียได้ เว้นแต่กรณีจะเข้าข้อเว้นตามมาตรา 33 วรรคท้าย จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ให้ริบโพยสลากกินรวบของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share