คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้มีประกันตามความหมายของมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 นั้น ต้องเป็นเจ้าหนี้ที่มีทรัพย์สิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนอง จำนำ หรือมีสิทธิยึดหน่วงหรือมีบุริมสิทธิที่บังคับได้ทำนองเดียวกับผู้รับจำนำ
การที่โจทก์เจ้าหนี้เพียงแต่ยึดโฉนดไว้ โดยไม่ได้ไปทำจำนองกันโดยถูกต้อง และเครื่องจักรที่ระบุไว้ในสัญญานั้นจำเลยลูกหนี้ก็ยังคงครอบครองใช้สอยอยู่โดยไม่ได้ส่งมอบให้โจทก์เจ้าหนี้ยึดไว้แต่ประการใด ดังนี้ โจทก์เจ้าหนี้ย่อมไม่ใช่เจ้าหนี้ผู้มีประกันตามความหมายในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483

จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามมาตรา 14

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาประการแรกว่า ที่ศาลทั้งสองวินิจฉัยว่า หนี้รายนี้ไม่ใช่หนี้มีประกันนั้นนอกจากจะปรากฏในสัญญา จ.3 ข้อ 6 ว่าหนี้ของโจทก์รายนี้เป็นหนี้ที่มีประกันแล้ว โดยเฉพาะโฉนดที่ 1396 ของนายสืบตามสัญญาข้อนี้ มิใช่จำเลยส่งมอบโฉนดให้โจทก์ยึดถือไว้เฉย ๆ หากนายสืบเจ้าของที่ดินยังได้ทำใบมอบอำนาจให้ไปทำจำนองให้ไว้แก่โจทก์ด้วย เพียงแต่ยังไม่ได้ทำจำนองกันโดยถูกต้องเท่านั้น และยังได้ความจากนายประธานพยานโจทก์ว่า ตามใบมอบอำนาจที่นายสืบทำให้แก่โจทก์ยังมีข้อความแสดงว่า นายสืบผูกพันตนค้ำประกันหนี้รายนี้อยู่ด้วย ฉะนั้น แม้โจทก์จะไม่มีทรัพย์สิทธิในที่ดินแปลงนี้ โจทก์ก็ยังมีผู้ค้ำประกันที่มีฐานะอย่างดีที่จะชำระหนี้แทน ส่วนเครื่องจักรที่ระบุไว้ในสัญญาแม้จะอยู่ในครอบครองใช้สอยของจำเลยก็ดี แต่ตามข้อเท็จจริงและเหตุผลทางปฏิบัติการระบุตัวทรัพย์ไว้ในสัญญา ก็เป็นการเพียงพอถือว่าทรัพย์นั้นเป็นประกันหนี้ตามสัญญาและส่งมอบแล้วจึงถือว่าเป็นหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลายแล้ว

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามบทบัญญัติมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายนั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าเจ้าหนี้ผู้มีประกันตามความหมายของมาตรานี้ต้องมีทรัพย์สิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนองจำนำ หรือมีสิทธิยึดหน่วง หรือมีบุริมสิทธิที่จะบังคับได้ทำนองเดียวกับผู้รับจำนำเมื่อจำเลยฎีการับข้อเท็จจริงแล้วว่า โฉนดที่ 1396 ของนายสืบนั้น โจทก์เพียงแต่ยึดโฉนดไว้ไม่ได้ไปทำจำนองกันโดยถูกต้อง และเครื่องจักรที่ระบุไว้ในสัญญา จ.3 ข้อ 6จำเลยก็ยังคงครอบครองใช้สอยอยู่ ไม่ได้ส่งมอบให้โจทก์ยึดไว้แต่ประการใด เช่นนี้ โจทก์ก็ไม่ใช่เจ้าหนี้ผู้มีประกันตามความหมายในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายดังกล่าว ส่วนข้อที่ว่านายสืบได้ทำใบมอบฉันทะมีข้อความยอมผูกพันตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันนั้น แม้จะถือได้ว่านายสืบเป็นผู้ค้ำประกันหนี้รายนี้ ก็ไม่ทำให้โจทก์กลายเป็นเจ้าหนี้ผู้มีประกันตามความหมายของมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ดังกล่าวได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาจำเลยในข้ออื่นแล้วพิพากษายืน

Share