แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า สัญญาค้ำประกันไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วน จึงไม่ชอบเท่านั้น จำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธโดยแจ้งชัดว่าจำเลยไม่ได้ตกลงทำสัญญา ค้ำประกันกับโจทก์ จึงต้องถือว่าจำเลยยอมรับว่าได้มีการตกลงทำสัญญาค้ำประกันกับโจทก์ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยทำสัญญาค้ำประกันกับโจทก์ตามฟ้องจริง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นหลักฐานในคดีแต่ประการใด แม้สัญญาค้ำประกันไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนก็ไม่เป็นกรณีต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินตามเช็ค และสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คจำนวน ๗,๘๔๔,๘๘๓.๙๓ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒๑ ต่อปี จากต้นเงิน ๗,๒๕๙,๖๗๗ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๔ ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๔ ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๗,๘๔๔,๘๘๓.๙๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๒๑ ต่อปี จากต้นเงิน ๗,๒๕๙,๖๗๗ บาท นับแต่วันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๓๙ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้หักเงินจำนวน ๙๔๖,๔๙๙.๐๘ บาท ที่โจทก์ได้รับชำระภายหลังฟ้องออก กับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียม แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๒๐,๐๐๐ บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ อุทธรณ์ โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้อุทธรณ์จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
จำเลยที่ ๔ ฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
ปัญหาที่จำเลยที่ ๔ ฎีกาว่า สัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ. ๑๐ ซึ่งปิดอากรแสตมป์เพียง ๕ บาท เป็นตราสารที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ว่าต้องปิดอากรแสตมป์ ๑๐ บาท โจทก์จึงไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้นั้น เห็นว่า จำเลยที่ ๔ ให้การต่อสู้คดีเพียงว่า สัญญาค้ำประกันไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ ครบถ้วน จึงไม่ชอบเท่านั้น จำเลยที่ ๔ ไม่ได้ให้การปฏิเสธโดยแจ้งชัดว่า จำเลยที่ ๔ ไม่ได้ตกลงทำสัญญาค้ำประกัน กับโจทก์ จึงต้องถือว่า จำเลยที่ ๔ ยอมรับว่าได้มีการตกลงทำสัญญาค้ำประกันกับโจทก์ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๔ ทำสัญญาค้ำประกันกับโจทก์ตามฟ้องจริง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นหลักฐานในคดีประการใด แม้สัญญาค้ำประกันไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนก็ไม่เป็นกรณีต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ ๔ ทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน โจทก์ไม่ได้แก้ฎีกา จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.