คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5248/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2079/2542 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในกำหนดระยะเวลารอการลงโทษดังกล่าวจำเลยกระทำความผิดคดีนี้อีกขอให้บวกโทษเข้ากับโทษของจำเลยคดีนี้ เมื่อศาลชั้นต้นอ่านอธิบายฟ้องทั้งหมดให้จำเลยฟัง จำเลยได้ให้การว่า ได้ทราบคำฟ้องตลอดแล้ว ข้าพเจ้าจำเลยขอให้การรับสารภาพตามฟ้อง ดังนั้น คำให้การจำเลยที่รับสารภาพตามฟ้องดังกล่าวจึงย่อมหมายรวมถึงการรับว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนตามที่โจทก์กล่าวหาในฟ้องด้วย ศาลชั้นต้นจึงนำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำคุกในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายให้เบาลงแล้วรวมโทษจำคุกกับฐานอื่นเป็นจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยไม่ได้ระบุว่าให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษคดีนี้ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าในที่สุดแล้วศาลลงโทษจำคุก จำนวนเท่าใด ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ชัดเจนขึ้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2544 เวลากลางวัน จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ติดอยู่ที่กระบอกอลูมิเนียมพร้อมหลอดโลหะ 1 กระบอก กระดาษอลูมิเนียม 6 แผ่น และหลอดกระดาษ 1 หลอด มีปริมาณน้อยไม่อาจชั่งหาน้ำหนักได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและจำเลยมีอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 9 มม. หมายเลขทะเบียน กท.3713734 ที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายจำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 1 อัน กับมีเครื่องกระสุนปืนคือกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 15 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เหตุเกิดที่ตำบลสองห้อง อำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีน อาวุธปืนซองกระสุนปืน และเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองดังกล่าว กับยึดได้กระบอกอลูมิเนียมพร้อมหลอดโลหะ 1 กระบอก กระดาษอลูมิเนียม 6 แผ่น และหลอดกระดาษ1 หลอด ซึ่งจำเลยใช้เป็นอุปกรณ์ในการเสพเมทแอมเฟตามีน เป็นของกลางเมทแอม-เฟตามีนของกลางหมดไปในการตรวจพิสูจน์ กระสุนปืนของกลางหมดไปในการทดลองยิง ส่วนของกลางอื่นเจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้ ก่อนคดีนี้เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2544 (ที่ถูก 2542) จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2079/2542 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและมีเมทแอม-เฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในกำหนดระยะเวลารอการลงโทษดังกล่าวจำเลยกระทำความผิดคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 57, 67, 91, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 91 และริบกระดาษอลูมิเนียมพร้อมหลอดโลหะ 1 กระบอก กระดาษอลูมิเนียม 6 แผ่น และหลอดกระดาษ 1 หลอด ของกลาง กับบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2079/2542ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยคดีนี้

จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 57, 67, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสามให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำคุก 1 ปี ฐานมีอาวุธปืนมีเครื่องหมายทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 3 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 2079/2542 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยคดีนี้ เป็นจำคุก 2 ปี 3 เดือน ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ให้จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายจะต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นว่า คำให้การของจำเลยที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่า “ข้าพเจ้าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง” นั้นนอกจากจะหมายถึงจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดในข้อหาที่โจทก์ฟ้องแล้วจะหมายรวมไปถึงจำเลยได้รับว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ตามที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องด้วยหรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติของที่ประชุมใหญ่ เห็นว่าคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2079/2542 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตภายในกำหนดระยะเวลารอการลงโทษดังกล่าว จำเลยกระทำความผิดคดีนี้อีก เมื่อศาลชั้นต้นอ่านอธิบายฟ้องทั้งหมดให้จำเลยฟัง จำเลยก็ได้ให้การว่าได้ทราบคำฟ้องตลอดแล้ว ข้าพเจ้าจำเลยขอให้การรับสารภาพตามฟ้อง ดังนั้น คำให้การจำเลยที่รับสารภาพตามฟ้องดังกล่าวจึงย่อมหมายรวมถึงการรับว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนตามที่โจทก์กล่าวหาในฟ้องด้วยนั่นเอง ศาลชั้นต้นจึงนำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ได้

คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า ก่อนคดีนี้จำเลยเคยและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมาครั้งหนึ่งแล้ว ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นคนดีโดยรอการลงโทษจำคุกให้ แต่จำเลยยังกระทำความผิดเป็นคดีนี้อีกภายในเวลาที่รอการลงโทษจำคุกไว้ในคดีก่อน แสดงว่าจำเลยมิได้เข็ดหลาบและมิได้เกรงกลัวต่อโทษที่จะได้รับตามกฎหมาย ทั้งมิได้พยายามที่จะเลิกเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษแต่อย่างใดมาตรการรอการลงโทษที่ใช้แก่จำเลยจึงไม่ได้ผล นอกจากนี้จำเลยยังกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อีกด้วย พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นและที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้โทษจำคุกในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายให้เบาลงแล้วรวมโทษจำคุกกับฐานอื่นเป็นจำคุก 1 ปี ส่วนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเท่านั้น โดยไม่ได้ระบุว่าให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษคดีนี้ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าในที่สุดแล้วศาลลงโทษจำคุกจำนวนเท่าใดศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ชัดเจนขึ้น

อนึ่ง ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน โดยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมาตรา 15 วรรคหนึ่ง ทั้งตามกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่คงใช้ข้อความทำนองเดียวกัน ดังนั้นเงื่อนไขที่เป็นองค์ประกอบความผิดดังกล่าวตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายเดิมบังคับแก่จำเลยในส่วนนี้ ส่วนกำหนดโทษนั้นตามกฎหมายเดิมมาตรา 67 มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท สำหรับกฎหมายที่แก้ไขใหม่มาตรา 67 มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับจะเห็นได้ว่ากฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดเป็นคุณมากกว่าในส่วนที่เกี่ยวกับโทษซึ่งมีหลายสถานที่จะลงได้ จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าในทางใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225″

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 67 (ที่แก้ไขใหม่) เมื่อรวมโทษจำคุกทั้งสามฐานความผิดหลังจากลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งแล้วเป็นจำคุก 12 เดือน นำโทษจำคุก 1 ปี ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2079/2542 ของการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2079/2542 ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยคดีนี้เป็นจำคุก1 ปี 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share