แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันมาแล้วครบหนึ่งปีมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่าหกวันทำงาน…” อันเป็นบทกำหนดระยะเวลาการทำงานของลูกจ้าง ที่ทำให้ลูกจ้างเกิดสิทธิที่จะหยุดพักผ่อนประจำปีสำหรับการทำงานปีแรกได้เมื่อทำงานติดต่อกันมาแล้วครบหนึ่งปี ในกรณีที่ลูกจ้างทำงานยังไม่ครบหนึ่งปี ลูกจ้างจะเกิดสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วนของระยะเวลาการทำงานได้เมื่อนายจ้างกำหนดหรือตกลงให้ตามมาตรา 30 วรรคสี่ แม้ข้อเท็จจริงในคดีนี้จะได้ความว่า จำเลยที่ 2 เลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิด แต่เมื่อโจทก์ทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 ยังไม่ครบหนึ่งปีในปีแรกของการทำงาน ทั้งจำเลยที่ 2 ไม่ได้กำหนดหรือตกลงให้โจทก์หยุดพักผ่อนประจำปีโดยให้คำนวณตามส่วนของระยะเวลาการทำงาน จึงเป็นกรณีที่โจทก์ยังไม่เกิดสิทธิที่จะหยุดพักผ่อนประจำปี โจทก์จึงไม่มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่พึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา 30 ที่จะทำให้จำเลยที่ 2 ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์สำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้างตามส่วนของวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่โจทก์พึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา 30 ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 67 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 3/2558 ลงวันที่ 8 มกราคม 2558 และบังคับให้จำเลยที่ 2 จ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี 10,083.33 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กับเงินเพิ่มร้อยละ 15 ทุกระยะเวลา 7 วัน นับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้จัดการอาวุโสฝ่ายจัดหาวัตถุดิบ อัตราค่าจ้างเดือนละ 55,000 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 5 และวันที่ 20 ของทุกเดือน โจทก์ทำงานกับจำเลยที่ 2 ติดต่อกันจนถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2557 รวมเป็นเวลาทำงานกับจำเลยที่ 2 ทั้งสิ้น 11 เดือน 3 วัน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2557 จำเลยที่ 2 มีหนังสือเลิกจ้างโจทก์ให้มีผลในวันเดียวกัน โดยระบุสาเหตุเลิกจ้างว่าจำเลยที่ 2 มีการปรับโครงสร้างบริหารงานใหม่เพื่อให้สอดรับกับนโยบายด้านการขยายตลาดไปต่างประเทศ ทำให้ต้องมีการยุบตำแหน่งงานของลูกจ้างตามโครงสร้างการบริหารงานใหม่ จำเลยที่ 2 มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกำหนดเกี่ยวกับสิทธิในการหยุดพักผ่อนประจำปีว่า พนักงานซึ่งทำงานครบ 1 ปี จึงจะมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปี 6 วัน ตามกฎระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยที่ 2 ข้อ 5.1.3.1 จำเลยที่ 2 ปิดประกาศกฎระเบียบข้อบังคับดังกล่าวให้ลูกจ้างรับทราบทั่วกันแล้ว ต่อมาวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557 โจทก์ยื่นคำร้องต่อจำเลยที่ 1 ในฐานะพนักงานตรวจแรงงานว่า จำเลยที่ 2 ค้างจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี 10,083.33 บาท จำเลยที่ 1 สอบสวนข้อเท็จจริงแล้วมีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 3/2558 ลงวันที่ 8 มกราคม 2558 โจทก์ทราบคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2558 แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ทำงานกับจำเลยที่ 2 ยังไม่ครบหนึ่งปี จึงไม่มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปี แม้จำเลยที่ 2 เลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิดและตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 67 กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วนในกรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างโดยลูกจ้างมิได้มีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 แต่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างจะมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้างและจะได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีหรือไม่ เพียงใด ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 30 ด้วย เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 30 และตามกฎระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยที่ 2 โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 67 การที่จำเลยที่ 1 มีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีจากจำเลยที่ 2 จึงชอบแล้ว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงประการเดียวว่า โจทก์มีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้างตามส่วนของวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่โจทก์พึงมีสิทธิได้รับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 30 หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันมาแล้วครบหนึ่งปีมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่าหกวันทำงาน…” อันเป็นบทกำหนดระยะเวลาการทำงานของลูกจ้าง ที่ทำให้ลูกจ้างเกิดสิทธิที่จะหยุดพักผ่อนประจำปีสำหรับการทำงานปีแรกได้เมื่อทำงานติดต่อกันมาแล้วครบหนึ่งปี ในกรณีที่ลูกจ้างทำงานยังไม่ครบหนึ่งปี ลูกจ้างจะเกิดสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วนของระยะเวลาการทำงานได้เมื่อนายจ้างกำหนดหรือตกลงให้ตามมาตรา 30 วรรคสี่ แม้ข้อเท็จจริงในคดีนี้จะได้ความว่า จำเลยที่ 2 เลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิด แต่เมื่อโจทก์ทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 ยังไม่ครบหนึ่งปีในปีแรกของการทำงาน ทั้งจำเลยที่ 2 ไม่ได้กำหนดหรือตกลงให้โจทก์หยุดพักผ่อนประจำปีโดยให้คำนวณตามส่วนของระยะเวลาการทำงาน จึงเป็นกรณีที่โจทก์ยังไม่เกิดสิทธิที่จะหยุดพักผ่อนประจำปี โจทก์จึงไม่มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่พึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา 30 ที่จะทำให้จำเลยที่ 2 ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์สำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้างตามส่วนของวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่โจทก์พึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา 30 ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 67 คำสั่งของจำเลยที่ 1 และคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางที่ไม่ให้จำเลยที่ 2 จ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามฟ้องแก่โจทก์ชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน