แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ชิงทรัพย์เงินสดจำนวน 79,000 บาท โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อต่าง ๆ จำนวน 15 เครื่อง และโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้งานแล้วจำนวน 7 เครื่อง ราคา 60,000 บาท ซิมการ์ดระบบต่าง ๆ จำนวน 17 อัน ราคา 3,400 บาท รวมราคาทรัพย์ทั้งสิ้นเป็นเงิน 162,400 บาท ของผู้เสียหายไปส่วนจำเลยที่ 2 รับของโจรโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนหลายเครื่องของผู้เสียหายที่ถูกจำเลยที่ 1 ชิงทรัพย์ไปดังกล่าว ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 โดยไม่ระบุไปดังกล่าว ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 โดยไม่ระบุให้ร่วมรับผิดเฉพาะทรัพย์ที่จำเลยที่ 2 รับของโจร จึงเป็นการให้จำเลยที่ 2 รับผิดเกินกว่าที่ต้องรับผิดและไม่ถูกต้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 339, 340 ตรี, 357 ริบของกลาง และคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 140,400 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคแรก ประกอบมาตรา 340 ตรี จำคุก 7 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 2 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี 9 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี กับให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 127,900 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายเพียงจำนวน 25,500 บาท ริบอาวุธมีดปลายแหลมจำนวน 1 เล่ม ของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก (ที่ถูกคำขออื่นให้ยก)
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 3 กำหนดโทษจำเลยที่ 1 ไม่ชอบ เพราะเมื่อจำเลยที่ 1 ต้องระวางโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี แล้ว และต้องลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กรณีจึงต้องนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 มาใช้บังคับ โดยต้องตั้งกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคแรก ก่อน จึงระวางโทษหนักขึ้นอีกกึ่งหนึ่งแล้วลดโทษลงกึ่งหนึ่งจากผลที่ระวางโทษให้หนักขึ้นนั้น เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคแรก ประกอบมาตรา 340 ตรี ซึ่งตามมาตรา 340 ตรี เป็นบทกำหนดโทษไม่ใช่บทเพิ่มโทษ กรณีไม่อาจนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 มาปรับแก่คดีนี้ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวางโทษจำเลยที่ 1 หนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 339 วรรคแรก กึ่งหนึ่งแล้วลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่งชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายเพียงจำนวน 25,500 บาท นั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ชิงทรัพย์เงินสดจำนวน 79,000 บาท โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อต่าง ๆ จำนวน 15 เครื่อง และโทรศัพย์เคลื่อนที่ใช้งานแล้วจำนวน 7 เครื่อง ราคา 60,000 บาท ซิมการ์ดระบบต่าง ๆ จำนวน 17 อัน ราคา 3,400 บาท รวมราคาทรัพย์สินทั้งสิ้นเป็นเงิน 162,400 บาท ของผู้เสียหายไป ส่วนจำเลยที่ 2 รับของโจรโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนหลายเครื่องของผู้เสียหายที่ถูกจำเลยที่ 1 ชิงทรัพย์ไปดังกล่าว ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 โดยไม่ระบุให้ร่วมรับผิดเฉพาะทรัพย์ที่จำเลยที่ 2 รับของโจร จึงเป็นการให้จำเลยที่ 2 รับผิดเกินกว่าที่ต้องรับผิดและไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 คืนโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ยังไม่ได้คืนหรือใช้ราคาแก่ผู้เสียหายจำนวน 25,500 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3