คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7475/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า ส. เจ้าของที่ดินยกทางเดินให้ที่ดินเป็นทางสาธารณะ โจทก์ทั้งห้าใช้ทางพิพาทเป็นทางเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ทั้งห้าสู่ทางสาธารณะเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงเป็นทางภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ทั้งห้า ที่ดินของโจทก์ทั้งห้ามีที่ดินแปลงอื่นรวมทั้งที่ดินของจำเลยล้อมรอบไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ทางพิพาทจึงเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินของโจทก์ทั้งห้า ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือทางภาระจำยอมหรือทางจำเป็นนั้น แม้จะเป็นการแสดงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า ทางพิพาทเป็นทางสามประเภทดังกล่าว แต่ก็ได้แสดงลักษณะของการเป็นทางในแต่ละประเภทนั้นไว้ และฟ้องดังกล่าวมีคำขอให้บังคับเกี่ยวกับทางพิพาทประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงประเภทเดียวในจำนวนนั้น ซึ่งทางพิพาทจะเข้าลักษณะเป็นทางประเภทใด ย่อมขึ้นอยู่กับการพิจารณารับฟังข้อเท็จจริง หากได้ความว่าทางพิพาทเป็นทางประเภทใด ศาลย่อมพิพากษาและบังคับตามคำขออย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่พิจารณาได้ความ ทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธฟ้องโดยสิ้นเชิงว่า ทางพิพาทไม่ได้เป็นทางทั้งสามประเภทดังกล่าวอันเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าใจฟ้องโจทก์แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ทั้งห้าฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนที่ดินส่วนที่เป็นถนนซอยย่าสุ่นอุทิศในโฉนดเลขที่ 73 ตำบลลาดพร้าว (ออเป้า) อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร กว้าง 6 เมตร ยาว 380 เมตร เป็นทางสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งห้าและที่ดินของประชาชนผู้ใช้ถนนซอยย่าสุ่นอุทิศเป็นทางเข้าออกทุกแปลง หรือพิพากษาให้เป็นทางจำเป็นแก่โจทก์ทั้งห้า และยอมให้ทางราชการสำนักงานเขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร เข้าทำการปรับปรุงที่ดินถนนซอยย่าสุ่นอุทิศ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิพาทในที่ดินโฉนดเลขที่ 73 เลขที่ 4382 ตำบลลาดพร้าว (ออเป้า) อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร กว้าง 6 เมตร ยาว 380 เมตร เป็นทางสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาข้อแรกที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่า คำฟ้องโจทก์บรรยายว่า นางสาวสุ่นเจ้าของที่ดินยกทางเดินในที่ดินให้เป็นทางสาธารณะต่อมามีการขยายทางเป็นทางพิพาท โจทก์ทั้งห้าใช้ทางพิพาทเป็นทางเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ทั้งห้าสู่ทางสาธารณะเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงเป็นทางภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ทั้งห้า ที่ดินของโจทก์ทั้งห้ามีที่ดินแปลงอื่นรวมทั้งที่ดินของจำเลยล้อมรอบไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ทางพิพาทจึงเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินของโจทก์ทั้งห้า ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือทางภาระจำยอมหรือทางจำเป็นนั้น แม้จะเป็นการแสดงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า ทางพิพาทเป็นทางสามประเภทดังกล่าว แต่ก็ได้แสดงลักษณะของการเป็นทางในแต่ละประเภทนั้นไว้ และคำฟ้องดังกล่าวมีคำขอให้บังคับเกี่ยวกับทางพิพาทประเภทเดียวในจำนวนนั้น ซึ่งทางพิพาทเป็นทางประเภทใดย่อมขึ้นอยู่กับการพิจารณารับฟังข้อเท็จจริง หากได้ความว่าทางพิพาทเป็นทางประเภทใด ศาลย่อมพิพากษาและบังคับตามคำขออย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่พิจารณาได้ความ ทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธฟ้องโดยสิ้นเชิงว่า ทางพิพาทไม่ได้เป็นทางทั้งสามประเภทดังกล่าว อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าใจคำฟ้องโจทก์แล้ว คำฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม…
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share