คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7474/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ โดยระบุว่าผู้ร้องเป็นน้องต่างมารดากับโจทก์ ส่วนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ดังนี้ผู้ร้องย่อมเป็นทายาทโดยธรรม อันดับที่ 4 เมื่อผู้ร้องรับว่าผู้เป็นทายาทโดยธรรมอันดับที่ 3 ยังมีชีวิตอยู่ ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของโจทก์ ตาม ป.พ.พ มาตรา 1630 วรรคหนึ่ง ผู้ร้องจึงไม่เป็นทายาทของโจทก์ผู้มรณะที่จะเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายทองนาค บิดาโจทก์ทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลยผ่านตัวแทนของจำเลย โดยมีโจทก์เป็น ผู้รับประโยชน์ ต่อมาบิดาโจทก์ถึงแก่ความตาย โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบและให้จ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวน 200,000 บาท แก่โจทก์ในฐานะผู้รับประโยชน์แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยรับประกันชีวิตนายทองนาค ไว้จริง แต่สำคัญผิดว่านายทองนาคเป็นผู้เอาประกันชีวิต เมื่อนายทองนาคถึงแก่ความตายจึงทราบความจริงว่านายอานันต์ เป็นผู้เอาประกันชีวิตของนายทองนาคโดยเป็น ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยซึ่งนายอานันต์ไม่มีความสัมพันธ์ฉันญาติทางสายโลหิตหรือมีส่วนได้เสียใด ๆ กับนายทองนาค จึงไม่มีส่วนได้เสียในเหตุที่เอาประกัน สัญญาประกันชีวิตจึงไม่ผูกพันจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากฟ้อง (วันที่ 11 พฤศจิกายน 2540) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนด ค่าทนายความ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณา โจทก์ถึงแก่กรรมนายทองมาก โดยนางทองมี ผู้แทนโดยชอบธรรมทายาทของโจทก์ ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 4 อนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์จำนวน 3,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำร้องของผู้ร้องว่า ผู้ร้องเป็นน้องต่างมารดากับโจทก์ ส่วนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629 ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมอันดับที่ 4 พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันของโจทก์เป็นทายาทอันดับที่ 3 และตามมาตรา 1630 วรรคหนึ่ง แห่งกฎหมายดังกล่าวเมื่อพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ยังมีชีวิตอยู่ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของโจทก์ผู้มรณะ ผู้ร้องจึงไม่เป็นทายาทของโจทก์ผู้มรณะที่จะเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะนั้นจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น เมื่อผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะไม่ได้ ศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่น ของจำเลย
พิพากษายกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะ และ ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นขอเข้าเป็น คู่ความแทนที่ผู้มรณะ และพิพากษาใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share