แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องเป็นเจ้าของเรือประมงของกลางที่ถูกศาลสั่งริบในความผิดฐานลักลอบซื้อขายน้ำมันหลีกเลี่ยงภาษีได้ความว่า ก่อนนำเรือพิพาทออกให้เช่าผู้ร้องจัดทำถังน้ำมันจำนวนมากถึง 20 ถัง บรรทุกอยู่บริเวณหน้าเครื่องบรรจุน้ำมันได้ถึง 40,000 ลิตร ซึ่งโดยปกติเรือประมงทั่วไปจะมีถังน้ำมันที่ห้องเครื่องห้องละ 1 ถัง มีปริมาตรไม่เกิน 10,000 ลิตร นอกจากนี้เรือดังกล่าวยังมีเครื่องสูบถ่ายน้ำมันที่สามารถถ่ายน้ำมันออกไปสู่เรือลำอื่นได้ แสดงจุดประสงค์หรือเจตนาของผู้ร้องว่าจะใช้เรือดังกล่าวสำหรับบรรทุกน้ำมันเพื่อถ่ายให้เรือลำอื่นด้วย พฤติการณ์ของผู้ร้องดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอคืนเรือของกลาง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ ทวิ จำเลยที่ ๑ ตามพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๖ ทวิ , ๒๐ ทวิ , ๒๕ ตรี พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๔๕๖ มาตรา ๒๘๒ พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ มาตรา ๔ , ๖ , ๑๑ , ๒๒ , ๒๓ พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๒๒ , ๓๙ พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๔ จำเลยที่ ๒ ถึงจำเลยที่ ๔ ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๑ , ๑๘ วรรคสอง , ๖๒ วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๓๓ ริบของกลางทั้งหมด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้คืนเรือของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์เรือของกลางและรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของเรือประมงของกลางที่ถูกศาลมีคำสั่งริบในคดีนี้ มีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยที่ ๑ กับพวกหรือไม่ สำหรับเรือประมงของกลางผู้ร้องไม่เคยดัดแปลงระวางเรือให้บรรทุกน้ำมันแต่อย่างใด แต่ข้อเท็จจริงได้ความจากร้อยตำรวจเอกมานพ มีแสง ผู้จับกุมจำเลยทั้งสี่ว่าเรือของกลางมีการนำถังน้ำมันบรรทุกไว้ถึง ๒๐ ถัง อยู่บริเวณหน้าเครื่อง บรรจุน้ำมันได้ถึง ๔๐,๐๐๐ ลิตร นอกจากจะมีถังน้ำมันแล้วยังมีเครื่องสูบน้ำมันซึ่งใช้สูบออกไปนอกเรืออีกด้วย ซึ่งสภาพของเรือนี้ ผู้ร้องก็นำสืบรับว่าเรือของผู้ร้องมีสภาพดังกล่าว แต่เหตุที่ต้องนำถังน้ำมันบรรทุกไว้มากเพื่อต้องการทำการประมงอยู่ในทะเลได้เป็นเวลานานและสภาพของเรือก็เป็นไปก่อนที่ผู้ร้องจะนำออกให้เช่าแล้วมิได้มีการดัดแปลงเพิ่มเติม ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นผู้จัดทำถังน้ำมันดังกล่าวไว้แล้ว นอกจากนี้ร้อยตำรวจเอกมานพเบิกความยืนยันว่า โดยปกติเรือประมงทั่ว ๆ ไปจะมีถังน้ำมันที่ห้องเครื่อง ห้องละ ๑ ถัง มีปริมาณน้ำมันไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ลิตร เท่านั้น อีกทั้งปรากฏว่าในเรือลำนี้มีเครื่องสูบน้ำมันที่สามารถถ่ายน้ำมันออกไปสู่เรือลำอื่นได้ แสดงจุดประสงค์หรือเจตนาของผู้ดัดแปลงว่าจะใช้เรือดังกล่าวสำหรับบรรทุกน้ำมันเพื่อถ่ายให้เรือลำอื่นด้วย และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการดัดแปลงดังกล่าวเป็นการกระทำของผู้ร้องก่อนที่จะมีการให้เช่า เช่นนี้ พฤติการณ์ของผู้ร้องดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยที่ ๑ ด้วย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอคืนเรือของกลางได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น