คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปร่วมกันยื่นคำขอทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดินที่โจทก์ จำเลยและผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินร่วมกัน จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า ที่ดินส่วนของโจทก์มีบุคคลภายนอกครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจไปยื่นคำขอทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดินร่วมกับโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นสั่งให้งดสืบพยานจำเลยแล้ววินิจฉัยว่า คำให้การจำเลยไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไป พิพากษาให้จำเลยไปยื่นคำขอทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดินดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้งดสืบพยาน จำเลยแล้วยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัย ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24 คำสั่งดังกล่าวจึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 227 คู่ความไม่ต้องโต้แย้งคำสั่งตามมาตรา 226 ก็อุทธรณ์ฎีกาได้และคำให้การจำเลยที่อ้างสิทธิของบุคคลภายนอกขึ้นต่อสู้นั้นเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้อง จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ไปทำการยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินมีโฉนดแปลงหนึ่งซึ่งโจทก์จำเลย นายกรุดและนายประเสริฐมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมกัน จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวตามส่วนของโจทก์ เพราะที่ดินตามส่วนของโจทก์มีนายชัยยะ ครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจไปยื่นคำขอแบ่งแยกที่ดินร่วมกับโจทก์ได้ ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยไปยื่นคำขอแบ่งแยกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์เพราะจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งงดสืบพยานของศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและนัดฟังคำพิพากษานั้นไม่ใช่คำสั่งในระหว่างพิจารณา และแม้จะเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาจำเลยก็ไม่จำต้องโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น นั้น ข้อเท็จจริงในคดีนี้ ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลย โดยเห็นว่า มีข้อเท็จจริงพอวินิจฉัยได้แล้ว และต่อมาได้วินิจฉัยว่า โจทก์มีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมด้วยผู้หนึ่ง ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องขอให้จำเลยซึ่งมีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมกัน แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมตามสัดส่วนที่แต่ละคนครอบครองได้ จำเลยกล่าวอ้างสิทธิของบุคคลภายนอกมาต่อสู้คดี เป็นเรื่องนอกเหนือไม่อาจกระทำได้เห็นว่า ข้อความที่ศาลชั้นต้นยกขึ้นวินิจฉัยนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายและทำให้คดีนี้เสร็จไปทั้งเรื่อง จึงเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24 คำสั่งดังกล่าวจึงไม่เป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาตามมาตรา 227 คู่ความไม่ต้องโต้แย้งคำสั่งของศาลตามมาตรา 226ก็อุทธรณ์ฎีกาได้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น แต่อย่างไรก็ดีตามที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าเหตุที่จำเลยไม่ไปยื่นคำขอแบ่งแยกโฉนดที่ดินดังกล่าวเพราะโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ขอแบ่งแยกโดยที่ดินส่วนที่โจทก์อ้างว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์นั้น มีนายชัยยะนันทนาวัฒน์ ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปกปักษ์แล้ว เห็นว่าเมื่อโจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดที่ดินร่วมกับจำเลยนายกรุดและนายประเสริฐ ทั้งจำเลยก็รับว่าตนมีกรรมสิทธิ์ 5 ไร่2 งาน ตรงตามที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้อง โจทก์ย่อมมีสิทธิ์ที่จะขอทำการรังวัดแบ่งแยกโฉนดระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมได้ จำเลยมีข้อต่อสู้ในส่วนของจำเลยที่ไม่อาจจะทำการรังวัดแบ่งแยกโฉนดอย่างไรก็ชอบที่จะยกขึ้นต่อสู้ได้ แต่จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ในส่วนของจำเลยขึ้นต่อสู้ กลับอ้างสิทธิของบุคคลภายนอก คำให้การของจำเลยเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้อง จึงไม่เป็นประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไป ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว แม้ว่าจำเลยจะมีสิทธิฎีกาได้เพราะไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาก็ตาม แต่ก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสอง”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้คืนค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แก่จำเลย

Share