คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3203/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่ในหนังสือพิมพ์รายวันเกี่ยวแก่การกระทำผิดของจำเลยไม่ได้ลงข้อความว่าจำเลยได้ใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะขนแร่ตะกั่ว และไม่มีข้อความว่าพนักงานอัยการได้ร้องขอต่อศาลขอให้ริบรถยนต์ของกลาง จึงไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 154 วรรคสอง ดังนั้น ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนของกลางภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2532)

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหามีแร่ไว้ในครอบครองและขนแร่ออกนอกท้องที่โดยไม่ได้รับอนุญาต และให้ริบรถยนต์บรรทุกแร่ของกลาง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางอ้างว่าเป็นของผู้ร้องและมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องไม่ได้ร้องขอเข้ามาในคดีก่อนมีคำพิพากษา ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๕๔ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองมีแร่และขนแร่ตะกั่วโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๔, ๑๐๕, ๑๐๘, ๑๔๘, ๑๕๔ และริบของกลางทั้งหมดซึ่งมาตรา ๑๕๔ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นบทบัญญัติให้ริบของกลางในกรณีที่มีการกระทำผิดเกี่ยวแก่พระราชบัญญัติฉบับนี้ตามที่กำหนดไว้เป็นพิเศษแตกต่างไปจากการริบของกลางในคดีอาญาทั่ว ๆ ไป ตามประมวลกฎหมายอาญา และศาลชั้นต้นก็ได้มีคำพิพากษาให้ริบของกลางตามที่โจทก์ขอแล้ว ส่วนการร้องขอคืนของกลางในกรณีที่มีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๔๘ เช่นคดีนี้ โดยปกติก็จะต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายดังกล่าว มาตรา๑๕๔ ด้วย เพราะความในวรรคท้ายของมาตรา ๑๕๔ ห้ามมิให้นำมาตรา ๓๖แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๕๔ วรรคสอง บัญญัติว่า “ให้พนักงานอัยการร้องขอให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินตามวรรคหนึ่งและเมื่อพนักงานอัยการได้ร้องขอต่อศาลแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันที่มีจำหน่ายในท้องถิ่นอย่างน้อยสองวันติดต่อกัน เพื่อให้บุคคลซึ่งอาจอ้างว่าเป็นเจ้าของมายื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีก่อนมีคำพิพากษของศาลชั้นต้น ทั้งนี้ไม่ว่าในคดีดังกล่าวจะปรากฏตัวบุคคลซึ่งอาจเชื่อว่าเป็นเจ้าของหรือไม่ก็ตาม” และได้ความว่า ในการประกาศหนังสือพิมพ์รายวันเกี่ยวแก่การกระทำผิดในคดีนี้ พนักงานเจ้าหน้าทีลงประกาศหนังสือพิมพ์แต่เพียงข้อหาว่าจำเลยมีแร่ตะกั่วเกินกว่า ๒ กิโลกรัม ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้นโดยไม่ได้ลงประกาศในข้อหาขนแร่ตะกั่ว และไม่มีข้อความว่าจำเลยทั้งสองได้ใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะในการขน ทั้งไม่มีข้อความว่าพนักงานอัยการได้ร้องขอต่อศาลขอให้สั่งริบรถยนต์ของกลางแต่อย่างใดศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ข้อความตามประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่อาจทำให้ผู้ร้องหรือประชาชนทราบได้ว่าเจ้าหน้าที่ได้ยึดรถยนต์ของกลางไว้และอยู่ในระหว่างคดีที่พนักงานอัยการโจทก์ได้ขอให้ริบ อันผู้ร้องหรือผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลาง จะมายื่นคำร้องขอคืนได้ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษา ประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวแก่การขอให้ริบรถยนต์ของกลางในคดีนี้จึงไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๕๔ วรรคสอง ของพระราชบัญญัติแร่ฯ ดังนั้น ความในวรรคท้ายของมาตรา ๑๕๔ แห่งพระราชบัญญัติแร่ฯ ที่ห้ามมิให้นำมาตรา ๓๖ แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ จึงจะนำมาใช้กับคดีนี้ไม่ได้ผู้ร้องจึงมีสิทธิมายื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖ และเมื่ปรากฏว่าผู้ร้องได้มายื่นคำร้องภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเพียง ๖ วัน ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะสั่งให้ไต่สวนคำร้องของผู้ร้องต่อไป
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนและมีคำสั่งคำร้องของผู้ร้องต่อไปตามรูปคดี

Share