แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งคำขอรับชำระหนี้แล้ว หากยังไม่ได้แจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ จะถือว่าผู้มีส่วนได้เสียทราบคำสั่งในวันนั้นและเริ่มนับระยะเวลาในการยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 90/32 วรรคสาม หาได้ไม่ เมื่อในคำร้องคัดค้านของเจ้าหนี้ไม่มีข้อความใดแสดงว่าเจ้าหนี้ทราบคำสั่งดังกล่าว และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ทราบโดยทางไปรษณีย์ตอบรับซึ่งมีบุคคลอื่นรับไว้แทนเมื่อวันที่ 16 มกราคมจึงต้องถือว่าเจ้าหนี้ทราบคำสั่งในวันดังกล่าว การที่เจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านในวันที่ 29 มกราคม จึงอยู่ภายในกำหนดเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่ง ศาลต้องรับคำร้องคัดค้านของเจ้าหนี้ไว้ดำเนินการต่อไป
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ และตั้งบริษัทไพรัชวอเตอร์เฮ้าส์คูเปอร์ส คอร์ปอเรท รีสตรัคเจอร์ริ่งจำกัด เป็นผู้ทำแผน
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้เช่าพื้นที่โรงงานเป็นเงิน9,244,160.14 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน7,661,410 บาท นับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะได้รับชำระเสร็จจากการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ รายละเอียดปรากฏตามบัญชีท้ายคำขอรับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้บรรดาเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้ทำแผนตรวจคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 90/29 แล้ว ปรากฏว่าผู้ทำแผนโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน2543 ให้ยกคำขอรับชำระหนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 90/32 วรรคสอง(1)
เจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2544 ขอให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยอนุญาตให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ดังกล่าว
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่า การคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องยื่นภายในกำหนด 14 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ผู้ร้องทราบคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2543 ตามที่ปรากฏในคำร้อง แต่มายื่นคำร้องวันนี้ล่วงเลยกำหนด 14 วันไปแล้วจึงไม่รับคำร้องไว้พิจารณา คืนค่าคำร้อง
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าหนี้ว่า เจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลล้มละลายกลางภายในกำหนด 14 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/32 วรรคสาม หรือไม่ เห็นว่า ในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เกี่ยวกับสำนวนคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการนั้น ตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้พ.ศ. 2541 ข้อ 23 กำหนดว่า “เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการแล้ว ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งคำสั่งแก่ผู้มีส่วนได้เสียทราบโดยเร็ว” เช่นนี้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งคำขอรับชำระหนี้แล้ว หากยังไม่ได้แจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบจะถือว่าผู้มีส่วนได้เสียทราบคำสั่งในวันนั้น และเริ่มนับระยะเวลาในการยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/32 วรรคสาม หาได้ไม่ ในคำร้องคัดค้านของเจ้าหนี้ ระบุว่า “…เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2543 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้…” ไม่มีข้อความใดแสดงว่าเจ้าหนี้ทราบคำสั่งดังกล่าวของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในวันที่ 20พฤศจิกายน 2543 แต่ประการใด อีกทั้งตามสำเนาคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำเนาซองจดหมายและสำเนาใบตอบรับไปรษณีย์ของการสื่อสารแห่งประเทศไทย ในเอกสารแนบท้ายอุทธรณ์ ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รับรองสำเนาถูกต้อง ปรากฏว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ทราบโดยได้ส่งสำเนาคำสั่งคำขอรับชำระหนี้ทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังเจ้าหนี้ คำสั่งดังกล่าวมีบุคคลอื่นรับไว้แทนเมื่อวันที่ 16มกราคม 2544 จึงต้องถือว่าเจ้าหนี้ทราบคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ในวันดังกล่าว ฉะนั้น การนับระยะเวลาในการยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2544การที่เจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านในวันที่ 29 มกราคม 2544 จึงอยู่ภายในกำหนดเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งไม่รับคำร้องคัดค้านจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของเจ้าหนี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง ให้ศาลล้มละลายกลางรับคำร้องคัดค้านของเจ้าหนี้ไว้แล้วดำเนินการต่อไป