คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7469/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ผู้ประกันผัดส่งตัวจำเลยตามคำร้องและมีคำสั่งให้ผู้ประกันส่งตัวจำเลยต่อศาลภายในกำหนด มิฉะนั้นจะถือว่าผิดสัญญาประกันเมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาไว้โดยเฉพาะ จึงต้องนำมาตรา 23 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาใช้บังคับโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15โดยต้องพิจารณาว่าการที่ผู้ประกันขอผัดส่งตัวจำเลยอันมีผลเช่นเดียวกับการขอขยายระยะเวลาต่อศาลชั้นต้นนั้นเป็นเรื่องที่มีพฤติการณ์พิเศษหรือไม่
ปู่ของจำเลยถึงแก่ความตาย จำเลยซึ่งเป็นหลานชายคนโตต้องอยู่ร่วมประกอบพิธีทางศาสนาจนกว่าจะออกทุกข์ ผู้ประกันจึงไม่สามารถส่งตัวจำเลยต่อศาลได้นั้น เป็นเพียงเหตุผลทั่วไป หาใช่พฤติการณ์พิเศษที่ทำให้ผู้ประกันไม่สามารถส่งตัวจำเลยต่อศาลไม่ นอกจากนี้ผู้ประกันยังมิได้ส่งตัวจำเลยต่อศาลตามสัญญาประกัน ทั้งที่ล่วงเลยกำหนดออกทุกข์ไปนานแล้ว เหตุผลที่ผู้ประกันยกขึ้นอ้างในคำร้องขอผัดส่งตัวจำเลยไม่ต้องด้วยเหตุตามกฎหมายที่จะอนุญาตได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ลงโทษจำคุกทั้งสองฐานรวม 7 ปี 6 เดือน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างฎีกาต่อมาจำเลยยื่นฎีกา แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งไม่รับฎีกาของจำเลยและแจ้งให้ผู้ประกันส่งตัวจำเลยต่อศาลภายใน15 วัน ผู้ประกันยื่นคำร้องขอผัดส่งตัวจำเลยต่อศาลออกไปอีก 60 วันโดยอ้างว่าปู่ของจำเลยถึงแก่ความตาย จำเลยต้องอยู่ร่วมประกอบพิธีทางศาสนาจนกว่าจะเสร็จงานศพ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีที่จะอนุญาตให้ผู้ประกันผัดส่งตัวจำเลยได้ต้องเป็นกรณีที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลคดีนี้ศาลมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยและจำเลยมิได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 224 วรรคหนึ่ง คดีย่อมถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แล้วจึงไม่อาจอนุญาตให้ผู้ประกันผัดส่งตัวจำเลยตามคำร้องได้ให้ผู้ประกันส่งตัวจำเลยภายในวันที่ 11 ตุลาคม 2542 เวลา 10 นาฬิกา มิฉะนั้นถือว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกัน

ผู้ประกันอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ประกันฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าศาลชั้นต้นออกหมายนัดถึงผู้ประกันสั่งให้ส่งตัวจำเลยต่อศาลภายใน 15 วัน ก่อนครบกำหนดนัดผู้ประกันยื่นคำร้องลงวันที่ 24 กันยายน 2542 ต่อศาลชั้นต้นขอผัดส่งตัวจำเลยมีกำหนด 60 วันแต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ผู้ประกันผัดส่งตัวจำเลยตามคำร้องและมีคำสั่งให้ผู้ประกันส่งตัวจำเลยต่อศาลภายในวันที่11 ตุลาคม 2542 มิฉะนั้นจะถือว่าผิดสัญญาประกัน

คงมีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาของผู้ประกันว่า การที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้ผู้ประกันผัดส่งตัวจำเลยตามคำร้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาไว้โดยเฉพาะ จึงต้องนำมาตรา 23 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาใช้บังคับโดยอนุโลม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 กล่าวคือต้องพิจารณาว่าการที่ผู้ประกันขอผัดส่งตัวจำเลยอันมีผลเช่นเดียวกับการขอขยายระยะเวลาต่อศาลชั้นต้นนั้นเป็นเรื่องที่มีพฤติการณ์พิเศษหรือไม่ ในข้อนี้ข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องของผู้ประกันลงวันที่ 24 กันยายน 2542 ว่าปู่ของจำเลยถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2542 จำเลยซึ่งเป็นหลานชายคนโตต้องอยู่ร่วมประกอบพิธีทางศาสนาจนกว่าจะออกทุกข์ ผู้ประกันจึงไม่สามารถส่งตัวจำเลยต่อศาลได้ เห็นว่า เหตุที่ผู้ประกันยกขึ้นอ้างในคำร้องดังกล่าวเป็นเพียงเหตุผลทั่วไป หาใช่พฤติการณ์พิเศษที่ทำให้ผู้ประกันไม่สามารถส่งตัวจำเลยต่อศาลไม่นอกจากนี้แล้วจนถึงบัดนี้ผู้ประกันยังมิได้ส่งตัวจำเลยต่อศาลตามสัญญาประกัน ทั้งที่น่าจะล่วงเลยกำหนดออกทุกข์ไปนานแล้ว เหตุผลที่ผู้ประกันยกขึ้นอ้างในคำร้องขอผัดส่งตัวจำเลยไม่ต้องด้วยเหตุตามกฎหมายที่จะอนุญาต ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share