คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยนำเอาความที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จไปแจ้งและร้องเรียนต่อปลัดอำเภอว่า ฮ. กับพวกปล้นทรัพย์ ปลัดอำเภอจึงจับ ฮ.กับพวกควบคุมไว้ โจทก์ได้ฟ้องขอให้ลงโทษฐานแจ้งความเท็จ ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษไปแล้ว ดังนี้ โจทก์จะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้ ฮ. กับพวกเสื่อมเสียอิสสระภาพไม่ได้เพราะการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท โจทก์ได้เลือกฟ้องขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามบทใดบทหนึ่งเสร็จไปแล้ว ต้องวินิจฉัยว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดของจำเลย ซึ่งโจทก์ได้เลือกฟ้องนั้นแล้ว ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 39 (4).

ย่อยาว

ความว่า จำเลยได้นำเอาความที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จไปแจ้งและร้องเรียนเท็จต่อนายอาจปลัดอำเภอว่า นายเฮกับพวกปล้นทรัพย์ นายอาจจึงจับนายเฮกับพวกเหล่านี้ควบคุมไว้ โจทก์ได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จ ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๑๘ ซึ่งศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้นายเฮกับพวกเสื่อมเสียอิสสรภาพ ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๗๐ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานที่จะวินิจฉัยว่า จะควบคุมนายเฮกับพวกหรือไม่ จำเลยไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการฟ้องซ้ำ พิพากษายืนในข้อยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท และโจทก์ได้เลือกฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามบทใดบทหนึ่งเสร็จไปแล้ว ต้องวินิจฉัยว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดของจำเลย ซึ่งโจทก์ได้เลือกฟ้องนั้นแล้ว ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๓๙ (๔) โจทก์จะมาฟ้องซ้ำ ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดอันเดียวกันนั้นตามบทอื่นอีกไม่ได้
พิพากษายืน

Share