แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เมื่อปรับบทลงโทษตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2504 มาตรา 6 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว ก็ไม่ต้องปรับบทลงโทษตาม มาตรา 7 อีก
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 2, 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 6, 7 จำคุก 12 ปี ริบของกลาง จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “อนึ่งที่ศาลล่างพิพากษาปรับบทลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504มาตรา 7 ด้วยนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อปรับบทลงโทษจำเลยที่ 2 ที่ 3 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 6 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว ก็ไม่ต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา 7 อีก ศาลฎีกาชอบที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้ โจทก์ กรมทางหลวงแผ่นดิน โดยพลโทเสถียร พจนานนท์ อธิบดี กับพวกจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ไม่กำหนดค่าปลงศพนายเสงี่ยมให้โจทก์นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ส่วนค่าปลงศพควรกำหนดให้เท่าใดนั้น เมื่อพิจารณาถึงฐานะของผู้ตายและความจำเป็นตามสมควรแล้ว เห็นสมควรกำหนดค่าปลงศพให้เป็นเงิน 10,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการนำญาติจากกรุงเทพมหานครและจากจังหวัดพิษณุโลกไปในงานศพนายเสงี่ยมที่อำเภอแม่สะเรียงที่โจทก์ขอมานั้นเห็นว่า ญาติของโจทก์มิได้เดินทางไปจัดการศพผู้ตาย อันถือได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443ซึ่งผู้ทำละเมิดจะต้องรับผิด แต่เป็นการเดินทางไปร่วมในงานศพผู้ตายด้วยความเต็มใจของตนเอง ที่ศาลอุทธรณ์ไม่กำหนดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้นั้นชอบแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าปลงศพนายเสงี่ยมผู้ตายแก่โจทก์เป็นเงิน 10,000 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 2 ตุลาคม2516 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินแก่โจทก์เสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ”