คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7420/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์คดีนี้กับคดีที่โจทก์ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีก่อน มีประเด็นข้อพิพาทที่ศาลจะต้องวินิจฉัยอยู่ในประเด็นเดียวกันว่า ที่โจทก์กล่าวอ้างว่าที่ดินพิพาทโจทก์เป็นเจ้าของและเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์นั้นโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทไว้แทน ผ. และต้องโอนกรรมสิทธิ์คืนผ. หรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาด คดีถึงที่สุดในคดีก่อนแล้วว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทไว้แทน ผ. และให้โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่ ส.ซึ่งเป็นทายาทของผ.เมื่อการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวเป็นการได้มาโดยผลของคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้ว ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ ผ. และทายาทตามคำพิพากษาศาลฎีกาคำพิพากษาดังกล่าวจึงผูกพันโจทก์ในคดีนี้มิให้โต้เถียงเป็นอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคแรก ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาคดีนี้ คดีได้ความว่าโจทก์มิใช่เจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยในคดีนี้ ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5) ประกอบด้วยมาตรา 246,247

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 4498 นายผล บาลี และจำเลยซึ่งเป็นภริยาได้ขออาศัยและปลูกบ้านเลขที่ 27 ในที่ดินของโจทก์ ต่อมานายผลถึงแก่กรรมโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยและบริวารอาศัยอีกต่อไปขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนและขนย้ายบ้านพร้อมทั้งบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนและขนย้ายบ้านเลขที่ 27 ออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 4498 ตำบลหัวทุ่งอำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทอีกต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามคำแก้ฎีกาของจำเลยและสำนวนคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 525/2537 คดีหมายเลขแดงที่ 702/2538ของศาลชั้นต้น ระหว่าง นางสาวสุภาพร บาลี โจทก์ นางสาวยุครินอริยานุชิตกุล จำเลยซึ่งถึงที่สุดแล้วโดยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4093/2541 วินิจฉัยว่า โจทก์คดีดังกล่าวได้ชำระเงินค่าที่ดินพิพาทตามโฉนดเลขที่ 4498 ตำบลเก่างิ้ว (หัวทุ่ง) อำเภอพลจังหวัดขอนแก่น เนื้อที่ 14 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ให้จำเลยซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้ครบถ้วนแล้ว พิพากษาให้จำเลยซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่นางสาวสุภาพร บาลีโจทก์คดีดังกล่าวซึ่งเป็นบุตรนายผลกับนางบัว บาลี จำเลยในคดีนี้แล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้กับคดีที่โจทก์ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวมีประเด็นข้อพิพาทที่ศาลจะต้องวินิจฉัยอยู่ในประเด็นเดียวกันว่า ที่โจทก์กล่าวอ้างว่าที่ดินพิพาทโจทก์เป็นเจ้าของและเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์นั้นโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทไว้แทนนายผลและต้องโอนกรรมสิทธิ์คืนนายผลหรือไม่ ศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดคดีถึงที่สุดแล้วว่า โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทไว้แทนนายผลให้โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่นางสาวสุภาพรโจทก์ในคดีดังกล่าวซึ่งเป็นทายาทนายผล การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวเป็นการได้มาโดยผลของคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วที่ดินพิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายผลและทายาทตามคำพิพากษาศาลฎีกา คำพิพากษาดังกล่าวจึงผูกพันโจทก์ในคดีนี้มิให้โต้เถียงเป็นอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรกเมื่อระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาคดีได้ความว่าโจทก์มิใช่เจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยในคดีนี้ ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)ประกอบด้วยมาตรา 246, 247
พิพากษายืน

Share