คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 742/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินแม้จะเป็นที่มือเปล่าเมื่อปรากฎว่าผู้ครอบครองเคยปลูกเรือนเสาไม้แก่นฝาขัดแตะหลังคาจากมีรั้งไม่ไผ่ล้อมรอบ ให้ผู้ดูแลอาศัยอยู่นับ 10 ปี เพิ่งรื้อไปปลูกในที่ดินเมื่อ 8 ปีมาแล้ว ทั้งโดยรอบก็เป็นที่บ้านดังนี้ ย่อมถือได้ว่าที่นี้สภาพเคยเป็นที่บ้านมาแล้วจึงได้รับความคุ้มครองตาม ก.ม.ลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 โจทก์ฟ้องเมื่อจำเลยเข้าแย่งการครอบครองเพียงปีเศษคดีจึงยังไม่ขาดอายุความ
ที่ ๆ ยังมีผู้ครอบครองอยู่มิใช่ที่รกร้างว่างเปล่าผู้ใดจะเข้าจับจองทับที่ซึ่งมีผู้ครอบครองอยู่หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่ามีที่ดิน ๑ แปลงครอบครอง ๑๐ ปีแล้ว เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓-๒๔๙๔ จำเลยเข้าแบ่งการครองครองขอให้ขับไล่และทำลายใบเหยียบย่ำ
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ได้ทำประโยชน์ภายใน ๒ ปี ละทิ้งไปนานแล้วย่อมหมดสิทธิจึงเป็นที่รกร้างว่างเปล่า จำเลยได้รับใบเหยียบย่ำและครอบครองตลอดมาฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทเป็นที่ว่างเปล่าไม่มีใครครอบครอง จำเลยมีสิทธิจับจอง โจทก์ฟ้องคดีขาดอายุความพิพากษาฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่พิพาทมีสภาพเป็นที่บ้าน โจทก์ครอบครองโดยมือเปล่ามาตั้งแต่ใช้ ก.ม.เก่าต้องยก ก.ม.ลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ ขึ้นปรับคดี โจทก์หาได้สละละทิ้งถึง ๙ ปี ๑๐ ปี ไม่ จำเลยแย่งการครอบครองเพียงปีเศษโจทก์ยังไม่ขาดสิทธิ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและเพิกถอนทำลายใบเหยียบย่ำ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่ารูปคดีต้องฟังว่าที่พิพาทเป็นที่ที่โจทก์ยังครอบครองอยู่หาได้ละทิ้งไม่ จึงมิใช่เป็นที่รกร้างว่างเปล่าอันจำเลยจะเข้าจับจองเอาเป็นของจำเลยได้ การขอจับจองจึงเป็นการจับจองทับที่ที่มีผู้ครอบครองอยู่
ศาลฎีกาเห็นว่าที่พิพาทนี้แม้เป็นที่มือเปล่าก็ดีแต่ก็ปรากฎตามคำพยานโจทก์อันควรเชื่อถือได้ว่า เมื่อครั้งนายจิ๋วครอบครอง นายจิ๋วได้ปลูกเรือนเสาไม้แก่นฝาขัดแตะหลังคาจากให้นายเภาอยู่ดูแลที่ นายเภากับสามีและบุตรอีก ๘ คน เข้าอยู่อาศัยในเรือนหลังนั้น เรือนที่นางเภาอยู่มีรั้วไม้ไผ่ล้อมรอบทั้ง ๔ ด้าน นางเภาก็ครอบครองอาศัยอยู่ในเรือนหลังนั้นเป็นเวลานับ ๑๐ ปี เพิ่งรื้อไปปลูกอยู่ในที่ติด ๆ กันเมื่อ ๘ ปี มาแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นว่าเมื่อที่ดินรายนี้มีบ้านเรือนที่ได้อยู่อาศัยได้สมบูรณ์มีรั้วล้อมรอบเป็นอานาเขตแน่นอนมั่นคงมาตั้ง ๒๐ ปี นางเภาได้เข้าอยู่อาศัยและทำประโยชน์อยู่ในที่นี้นับ ๑๐ ปี ประกอบทั้งโดยรอบที่พิพาทเป็นที่บ้านของบุคคลอื่น ไม่ใช่ป่าดง จึงควรรับฟังว่าที่ดินรายนี้มีสภาพเคยเป็นที่บ้านมาแล้ว โจทก์จึงได้รับความคุ้มครองตาม ก.ม. ลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ จำเลยเข้าแย่งการครอบครองของโจทก์เพียงปีเศษโจทก์ก็มาฟ้อง คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ จึงพิพากษายืน

Share