คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ได้ความตามฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยอาศัยที่พิพาทที่โฉนด จำเลยให้การไม่รับรองโฉนด หากมีและโจทก์รับโอนมาก็เป็นสมยอมไม่สุจริต จำเลยไม่ได้อาศัยที่พิพาทนายนามให้จำเลย ๆ ครอบครองมา 15 ปีแล้ว
ชั้นนี้สองสถานจำเลยแถลงว่าแม้ที่จะอยู่ในเขตโฉนด จำเลยก็ได้ครอบครองมา 15 ปีแล้ว การรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่ ไม่ทราบ
ในที่สุดปรากฎในรายงาน+พิจารณาว่า คู่ความคงโต้เถียงแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนดกันเหตุการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้นได้ความเพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยยอมสละข้อโต้เถียงในคำให้การที่ว่าโจทก์สมยอมโอนกันโดยไม่สุจริตซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการวินิจฉัยคดีไม่ได้ เพราะในรายงานพิจารณามิได้ปรากฎให้เห็นเป็นเช่นนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองมีกรรมสิทธิที่ดินตามโฉนดที่ + จังหวัด นครสวรรค์โดยนายพวงยกให้จำเลยทั้ง ๒ ได้อาศัยที่ดินของโจทก์ปลูกแพประมาณ ๒๐ วา บัดนี้โจทก์ประสงค์ได้คืน จำเลยขัดขืนขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทจะมีโฉนดจริงหรือไม่และโจทก์ไม่ได้รับโอนจากนายพวงจริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบและไม่รับรอง หากมีจริงก็สมยอม จำเลยมิได้อาศัยที่ดินโจทก์และไม่เคยผ่อนผัน นายนวมตายไปประมาณ ๑๕ ปี ระหว่างมีชีวิตยกที่ดินรวมทั้งที่พิพาทให้จำเลย นานนุ่น และนายพวกทำกิน เมื่อนายนวมตาย จำเลย นายนุ่น นายพวงให้ใช้สิทธิครอบครองเป็นสัดส่วนกันมาโดยสงบเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของ และตัดฟ้องว่าคดีขาดอายุความและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
เมื่อทำแผนที่พิพาทแล้วจำเลยแถลงว่า แม้เขตที่พิพาทจะอยู่ในโฉนดของโจทก์ จำเลยก็ได้ครอบครองเป็นปรปักษ์ต่อฝ่ายโจทก์มาเป็นเวลา ๑๕ ปีแล้ว จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิโดยอายุความ การรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่เมื่อไรฝ่ายจำเลยไม่เคยทราบมาก่อนเลย ฝ่ายโจทก์ว่าเพิ่งรู้เห็นว่าฝ่ายจำเลยครอบครองที่พิพาทเมื่อ ๔-๕ ปีมานี่เอง ก่อนนั้นไม่ทราบและการครอบครองของฝ่ายจำเลยมีขึ้นได้ก็โดยนายพวงผู้โอนที่นี้ให้โจทก์เป็นผู้อนุญาตให้อาศัยอยู่มาก่อน เมื่อที่โอนมาเป็นของโจทก์แล้ว โจทก์จึงบอกเลิกการให้อาศัย ส่วนการรังวัดออกโฉนดนั้น ฝ่ายโจทก์ว่าจำเลยน่าจะรู้ดี เพราะจำเลยมีที่อยู่ติดต่อไปทางด้านตะวันออกมีมาก่อนแล้วฝ่ายจำเลยว่าจำเลยได้รับส่วนแบ่งมาจากนายนวมบิดา โดยนายนวมบิดายกให้แล้วครอบครองมาตั้งแต่นั้นมา
คู่ความคงโต้เถียงกันแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการยกโฉนดกับเหตุแห่งการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้น
ได้ความดังนี้ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายวินิจฉัยว่าวิธีการปฏิบัติเพื่อออกโฉนดถูกต้องหรือไม่นั้น จำเลยแถลงแต่เพียงว่า จะได้มีการรังวัดจริงหรือไม่ ไม่เคยทราบซึ่งมิใช่การปฏิเสธคงเพียงไม่ยอมรับรองเฉย ๆ เท่านั้น ก็ไม่ปรากฎมีเหตุอื่นใดที่จะแวดล้อมให้เห็นว่าความไม่รู้ของจำเลยเกิดแต่ความไม่มีจริงแต่อย่างเดียวจึงไม่ใช่ข้อทุ่มเถียงยันจะทำให้เกิดเป็นประเด็นขึ้นในคดีนี้ ในเรื่องการครอบครองฟังว่าจำเลยครอบครองไม่ถึง ๒๐ ปี จึงไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่พิพาท พิพากษาให้ขับไล่
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเม้ศาลชั้นต้นจะได้เขียนไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า คู่ความคงโต้เถียงกันแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนด กับเหตุแห่งการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้นก็ดี แต่คู่ความยังติดใจสืบพยานอยู่ ตามที่ศาลชั้นต้นได้จดบันทึกดังกล่าวก็ไม่มีข้อความว่า คู่ความสละข้ออ้างอื่น ๆ หมด คู่ความจะขอสืบพยานแต่เฉพาะประเด็นที่โต้เถียงกันเท่านั้น และข้อที่จำเลยให้การต่อสู้ว่า หากมีโฉนดหรือได้รับโอนมาจริงก็เป็นการสมคบสมยอมกันอันเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตนั้น ก็ยังไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้ยอมรับ ไม่มีข้อโต้เถียงแล้วหรือประการใด เพียงที่ปรากฎในสำนวนเท่าที่ศาลชั้นต้นได้ปฏิบัติมา ไม่พอที่จะขับไล่จำเลย เพราะจำเลยยังให้การอ้างสิทธิที่ครอบครองตลอดมาจนกระทั่งถึงวันฟ้องและอ้างว่า โจทก์ไม่สุจริตอยู่ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานของคู่ความจนสิ้นกระแสความ แล้วพิจารณาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องคำให้การและคำแถลงของคู่ความคงสรุปได้ใจความว่า โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยอาศัยที่ดินมีโฉนดออกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ โจทก์รับโอนมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖
จำเลยให้การไม่รับรองโฉนดของโจทก์หากมีและโจทก์รับโอนมาก็เป็นการสมคบสมยอมกันอันไม่สุจริต จำเลยไม่ได้อาศัย ที่แปลงนี้นายนวมให้จำเลยและจำเลยได้ครอบครองมา ๑๕ ปีแล้ว
ชั้นชี้สองสถาน จำเลยแถลงว่า แม้ที่จะอยู่ในโฉนดโจทก์ก็ดี จำเลยก็ได้ครอบครองเป็นปรปักษ์มา ๑๕ ปีแล้ว การรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่ไม่ทราบ
ในที่สุดปรากฎในรายงานพิจารณาว่าคู่ความคงโต้เถียงแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนดกับเหตุแห่งการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้น ได้ความเพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยยอมสละข้อโต้เถียงในการวินิจฉัยคดีไม่ได้ เพราะในรายงานพิจารณาชั้นชี้สองสถานมิได้มีปรากฎให้เห็นเป็นเช่นนั้น
พิพากษายืน

Share