คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5986/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ในครอบครอง ก็เป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตแล้ว ไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงให้ได้ว่าอาวุธปืนนั้นจะใช้ยิงได้หรือไม่อีก ส่วนความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้น เป็นความผิดตามบทมาตราเดียวกับฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นความผิดกรรมเดียวกัน การที่จำเลยจะมีเครื่องกระสุนปืนขนาดเดียวกับที่จะใช้กับอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองหรือไม่ จึงไม่เป็นข้อสาระสำคัญ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนออโตเมติก ขนาด .32 ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับจำนวน 1 กระบอก และมีกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 2 นัดอันเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายไว้ในครอบครอง จำเลยพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91, 371และขอให้ริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิวรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 เป็นความผิดหลายกรรม เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 2 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกที่ว่า ศาลล่างทั้งสองรับฟังพยานหลักฐานคดีนี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาพิจารณาวินิจฉัยนอกฟ้องโจทก์ รับฟังแต่เพียงคำรับสารภาพของจำเลยแล้วนำมาประกอบในการพิจารณาวินิจฉัยลงโทษจำเลย โดยคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองแตกต่างจากฟ้องของโจทก์นั้น เห็นว่า แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องและคดีนี้กฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น ศาลจึงย่อมมีอำนาจพิพากษาโดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ซึ่งเมื่อฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ในครอบครองการกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตแล้ว มิพักต้องฟังข้อเท็จจริงให้ได้ว่าอาวุธปืนนั้นจะใช้ยิงได้หรือไม่อีก ส่วนความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้น เป็นความผิดตามบทมาตราเดียวกับความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นความผิดกรรมเดียวกัน การที่จำเลยจะมีเครื่องกระสุนปืนขนาดเดียวกับที่จะใช้กับอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองหรือไม่จึงไม่ใช่เป็นข้อสาระสำคัญ ฎีกาของจำเลยในประการแรกนี้ฟังไม่ขึ้น มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่าสมควรรอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยกระทำความผิดเพียงฐานมีและพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางติดตัวไปในทางสาธารณะถนนพหลโยธินโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยจะใช้อาวุธปืนนั้นก่ออาชญากรรมใด ทั้งเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยมีไว้ก็เป็นคนละขนาดกับอาวุธปืนโดยไม่ปรากฏแน่ชัดว่าจะสามารถใช้ร่วมกันได้หรือไม่พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่ร้ายแรงนัก ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลฎีกาจึงไม่เห็นพ้องกับศาลล่างทั้งสองที่ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยเพราะโทษจำคุกระยะสั้นนอกจากจะไม่ก่อให้เกิดผลในการอบรมและฟื้นฟูแก้ไขความประพฤติของจำเลยแล้วยังทำให้จำเลยมีประวัติเสื่อมเสีย เมื่อพ้นโทษแล้วก็ยากที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีประกอบสัมมาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ การรอการลงโทษจำคุกและคุมความประพฤติจำเลยไว้น่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมโดยส่วนมากกว่าฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น แต่เพื่อให้หลาบจำจึงให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งและคุมความประพฤติจำเลยไว้ด้วย”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่ง โดยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ปรับ 6,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนปรับ 2,000 บาท รวมปรับ 8,000บาท ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งแล้ว คงปรับ 4,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และคุมความประพฤติจำเลยไว้ 1 ปี นับแต่วันที่อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ3 เดือน ต่อครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 30 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share