แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เจ้าพนักงานยึดแผ่นวีซีดี และ ซีดีคาราโอเกะ เพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสอง 430 แผ่น และที่ไม่ปรากฏเจ้าของลิขสิทธิ์อีก 21 แผ่น เป็นของกลาง ตามคำฟ้องแสดงว่าของกลาง 21 แผ่น ดังกล่าวยังไม่มีผู้เสียหายไปร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลย พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์เกี่ยวกับของกลาง 21 แผ่น นี้ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในส่วนนี้ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีอาญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 120 และ 121 วรรคสอง จึงฟังไม่ได้ว่าของกลางทั้ง 21 แผ่น เป็นสิ่งที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งต้องพิพากษาให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 75 ให้คืนของกลาง 21 แผ่น แก่เจ้าของ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 31 (1), 70, 75, 76 พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 54, 82 และสั่งริบของกลางให้ตกเป็นของผู้เสียหายทั้งสอง กับจ่ายเงินค่าปรับแก่ผู้เสียหายทั้งสองกึ่งหนึ่งและปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (1) พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 82 ประกอบมาตรา 54 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานละเมิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือนและปรับ 94,000 บาท ความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่ได้รับใบอนุญาตให้ลงโทษปรับ 100,000 บาท รวมเป็นจำคุก 3 เดือน และปรับ 194,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน และปรับ 97,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ตามฟ้องตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ จ่ายเงินค่าปรับให้แก่ผู้เสียหายทั้งสองกึ่งหนึ่ง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายคำฟ้องว่า จำเลยขาย เสนอขาย และมีไว้เพื่อขายซึ่งแผ่นเอ็มพีสาม แผ่นวีซีดีและแผ่นซีดีคาราโอเกะเพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์รวม 430 แผ่น และแผ่นซีดีเพลงคาราโอเกะไม่ปรากฏเจ้าของลิขสิทธิ์อีก 21 แผ่น เป็นของกลาง กับมีคำขอให้ศาลส่งริบของกลางให้ตกเป็นของผู้เสียหายทั้งสอง ซึ่งตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 75 บรรดาสิ่งที่ได้ทำขึ้นอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้กระทำความผิดมาตรา 70 ให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำฟ้อง โจทก์ที่จำเลยให้การรับสารภาพว่า เฉพาะของกลางจำนวน 430 แผ่นเท่านั้นที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสองที่ได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยเป็นคดีนี้ ศาลจึงมีอำนาจสั่งให้ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนดังกล่าวเท่านั้นตกเป็นของผู้เสียหายทั้งสองที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ส่วนของกลางอีก 21 แผ่นที่ไม่ปรากฏผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นั้น ตามคำฟ้องโจทก์แสดงให้เห็นว่ายังไม่มีผู้เสียหายรายใดร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในส่วนนี้ พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนในความผิดที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าโดยการขาย เสนอขาย มีไว้เพื่อขายของกลางทั้ง 21 แผ่นดังกล่าว ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดนี้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา120 และมาตรา 121 วรรคสอง ซึ่งเท่ากับยังไม่มีการพิจารณาความผิดของจำเลยส่วนนี้ และรับฟังเป็นยุติยังไม่ได้ว่า ของกลางทั้ง 21 แผ่น เป็นสิ่งที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น จึงต้องคืนให้แก่เจ้าของ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ นอกจากนี้ ในส่วนของค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษา ให้ศาลสั่งจ่ายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 76 ดังนั้น ผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จึงมีสิทธิได้รับค่าปรับกึ่งหนึ่งเฉพาะค่าปรับที่จำเลยได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าเท่านั้น เมื่อคดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษปรับจำเลยทั้งในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าและความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต แต่กลับพิพากษาให้จ่ายค่าปรับให้แก่ผู้เสียหายทั้งสองกึ่งหนึ่งโดยมิได้ระบุว่าให้จ่ายจากค่าปรับที่จำเลยชำระตามความผิดฐานใด จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องเช่นกัน
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ให้ปรับ 50,000 บาท เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 25,000 บาท เมื่อรวมกับโทษฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตแล้ว เป็นปรับ 75,000 บาท ให้ขอกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสอง 430 แผ่น ตกเป็นของผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป้นเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้จ่ายค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าแก่ผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่ง นอกจากที่คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง