แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย โดยวินิจฉัยว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นฟ้องที่มีเงื่อนไขและยังไม่มีข้อโต้แย้งตามกฎหมายจำเลยอุทธรณ์ว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ มิได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบอย่างไรหรือเพราะเหตุใด จึงเป็นอุทธรณ์ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ชอบที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้กับโจทก์ว่าเป็นหนี้ค่าซื้อรถยนต์บรรทุก 27,000 บาท โดยตกลงผ่อนชำระเป็นงวด ๆแล้วเพิกเฉย ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้กับโจทก์เนื่องจากจำเลยผิดสัญญาซื้อขายที่ซื้อรถยนต์จากโจทก์และเป็นหนี้ค่าซื้อรถยนต์อยู่ 27,000 บาทจริง แต่จำเลยได้มอบรถยนต์ให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน จำเลยแจ้งให้โจทก์ส่งรถยนต์คืนจำเลยหลายครั้งเพื่อจดทะเบียนเป็นชื่อของจำเลยแล้วจำเลยจะได้ชำระหนี้ค่ารถยนต์ให้เสร็จสิ้นไป แต่โจทก์ไม่ยอมส่งคืนและจดทะเบียนให้จำเลยขอให้บังคับโจทก์ส่งคืนรถยนต์แก่จำเลยและไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นชื่อของจำเลย ถ้าไม่สามารถส่งคืนได้ก็ให้ใช้ราคา27,162 บาทแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ย หรือให้หักกลบลบหนี้กับค่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวที่จำเลยค้างชำระโจทก์อยู่
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การของจำเลย ส่วนฟ้องแย้งเป็นคำฟ้องที่มีเงื่อนไข ข้อโต้แย้งยังไม่เกิดขึ้น จึงสั่งไม่รับฟ้องแย้งจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่าศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยโดยวินิจฉัยว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นฟ้องที่มีเงื่อนไขและยังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นตามกฎหมาย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟ้องแย้ง โดยให้เหตุผลแต่เพียงว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ ซึ่งเกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์อันเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาด กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ตกเป็นของจำเลยแล้ว และจำเลยได้มอบรถยนต์ให้โจทก์ยึดไว้เป็นหลักประกันเท่านั้น จำเลยหาได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบอย่างไรหรือเพราะเหตุใดไม่ จึงเป็นอุทธรณ์ไม่แจ้งชัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน