แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สูติบัตรซึ่งเป็นเอกสารมหาชนได้ลงข้อเท็จจริงแสดงว่า โจทก์เป็นบุตรของ ส. จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นเอกสารที่ทำขึ้นโดยแท้จริงและถูกต้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 354
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก, 354 ให้จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกามีว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1627 บัญญัติว่า “บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วและบุตรบุญธรรมนั้น ให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดาน” ซึ่งการกระทำอันจะเป็นการรับรองบุตรตามบทบัญญัติดังกล่าวต้องเป็นการกระทำของบิดาโดยตรงแต่ข้อเท็จจริงในคดีปรากฏว่า การแจ้งออกสูติบัตรตามเอกสารหมายจ.1 และ จ.2 นายสุพจน์ชัยมิได้กระทำด้วยตนเองแต่อย่างใด ฉะนั้นจะถือว่า นายสุพจน์ชัยได้รับรองโจทก์เป็นบุตรแล้วยังไม่ได้โจทก์จึงไม่ใช่ผู้สืบสันดานตามกฎหมายนั้น เห็นว่า จากคำเบิกความของนางสุธาทิพย์ เลาวกุล มารดาและผู้แทนโดยชอบธรรมโจทก์ประกอบสูติบัตรโรงพยาบาลแพทย์ปัญญาเอกสารหมาย จ.1 สูติบัตรสำนักงานทะเบียนเขตคลองเตยเอกสารหมาย จ.2 และภาพถ่ายหมาย จ.5เป็นที่เชื่อได้ว่า นายสุพจน์ชัยได้รับรองโจทก์ว่าเป็นบุตรของตนอันเกิดจากนางสุธาทิพย์หากโจทก์มิใช่บุตรของนายสุพจน์ชัยจริงแล้ว นายสุพจน์ชัยต้องคัดค้านการเป็นบิดาของโจทก์ต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งการเกิดของโจทก์มาแต่แรก เมื่อสูติบัตรตามเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งเป็นเอกสารมหาชนได้ลงข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นแน่ชัดว่า โจทก์เป็นบุตรของนายสุพจน์ชัย จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นเอกสารที่ทำขึ้นโดยแท้จริงและถูกต้อง จำเลยเองก็ไม่มีพยานหลักฐานใดมาสืบหักล้างเอกสารหมาย จ.2 ได้ แต่อย่างไรก็ตามปรากฏว่าจำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ไปแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรรอการลงโทษจำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2