คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7409/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอให้บังคับจำนองของผู้ร้องซึ่งเป็นคำฟ้องจะต้องเสียค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละเท่าใดนั้น เป็นปัญหา ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องจะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้ ซึ่งเท่ากับว่าผู้ร้องมิได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น ผู้ร้องก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้นในอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง อันเป็นข้อยกเว้นของมาตรา 226 (2) และแม้ว่าผู้ร้องจะอุทธรณ์ในเรื่องค่าขึ้นศาลเพียงอย่างเดียวแต่ก็เป็นการอุทธรณ์โดยยกเหตุว่าศาลชั้นต้นมิได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่ต้องห้ามผู้ร้องอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 168
ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองได้ยื่นคำร้องขอตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 ซึ่งถือได้ว่าเป็นคำฟ้องบังคับจำนองแก่จำเลยนั่นเอง คดีนี้จำเลยผู้จำนองไม่ได้ให้การต่อสู้คดีหรือคัดค้านคำร้องขอของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ข้อ 1 (ค) ท้าย ป.วิ.พ. ในอัตราร้อยละ 1 ของจำนวนหนี้ที่เรียกร้อง แม้โจทก์จะได้ยื่นคำคัดค้านก็ถือว่าเป็นเพียงการ โต้แย้งในชั้นบังคับคดีของโจทก์เท่านั้น ถือไม่ได้ว่าคำคัดค้านของโจทก์เป็นคำให้การต่อสู้คดีแทนจำเลยตามความหมาย ของตาราง 1 ข้อ 1 (ค) ท้าย ป.วิ.พ.
หมายเหตุ วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2546

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน ๓๘๐,๐๐๐ บาท แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นผู้รับจำนองที่ดินที่โจทก์นำยึดเพื่อขายทอดตลาดดังกล่าว ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่น โดยผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละ ๑ ของจำนวนหนี้ที่เรียกร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ขอให้ยกคำร้องขอ
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเป็นร้อยละ ๒.๕ ของจำนวนหนี้ที่เรียกร้อง ผู้ร้องจึงชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มอีก ๑.๕ ของจำนวนหนี้ที่เรียกร้องตามคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นเงินจำนวน ๑๑๓,๒๙๓.๕๐ บาท โดยผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวไว้
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามอุทธรณ์ของผู้ร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์เพียงข้อเดียวว่า ที่ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลจากผู้ร้องเพิ่มอีกร้อยละ ๑.๕ ขอจำนวนหนี้ที่เรียกร้อง เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในการพิจารณาปัญหาตามอุทธรณ์ของผู้ร้องดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยเสียก่อนว่า การที่ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มอีกร้อยละ ๑.๕ ของจำนวนหนี้ที่เรียกร้องตามคำสั่งศาลชั้นต้นโดยมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ (๒) ผู้ร้องจะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวได้หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า คำร้องขอให้บังคับจำนองของผู้ร้องซึ่งเป็นคำฟ้องจะต้องเสียค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละเท่าใดนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องจะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวไว้ ซึ่งเท่ากับว่าผู้ร้องมิได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น ผู้ร้องก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้นในอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ วรรคสอง อันเป็นข้อยกเว้นของมาตรา ๒๒๖ (๒) และศาลฎีกาเห็นว่าถึงแม้ว่าผู้ร้องจะอุทธรณ์ในเรื่องค่าขึ้นศาลเพียงอย่างเดียว แต่ก็เป็นการอุทธรณ์โดยยกเหตุว่าศาลชั้นต้นมิได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่ต้องห้ามผู้ร้องอุทธรณ์ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๖๘ บัญญัติไว้ ดังนี้ จึงชอบที่ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องให้ ส่วนในปัญหาว่ากรณีตามคำร้องขอของผู้ร้องจะต้องเสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นในอัตราร้อยละเท่าใดนั้น ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองได้ยื่นคำร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๙ ซึ่งถือได้ว่าเป็นคำฟ้องบังคับจำนองจำเลยนั่นเอง ตามตาราง ๑ ข้อ ๑ (ค) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้ระบุไว้ว่า ให้เรียกค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละ ๑ แต่ไม่ให้เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ต่อเมื่อจำเลยให้การต่อสู้คดีจึงให้เรียกค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละ ๒.๕ แต่คดีนี้จำเลยผู้จำนองไม่ได้ให้การต่อสู้คดีหรือคัดค้านคำร้องขอของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง ๑ ข้อ ๑ (ค) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในอัตราร้อยละ ๑ ของจำนวนหนี้ที่เรียกร้อง แม้โจทก์จะได้ยื่นคำคัดค้านก็ถือว่าเป็นเพียงการโต้แย้งในชั้นบังคับคดีของโจทก์เท่านั้น ถือไม่ได้ว่าคำคัดค้านของโจทก์เป็นคำให้การต่อสู้คดีแทนจำเลยตามความหมายของตาราง ๑ ข้อ ๑ (ค) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลจากผู้ร้องในอัตราร้อยละ ๒.๕ ของจำนวนหนี้ที่เรียกร้องจึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่เรียกให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มอีกร้อยละ ๑.๕ ของจำนวนหนี้ที่เรียกร้อง และให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่ผู้ร้องเสียเพิ่มดังกล่าวเป็นเงินจำนวน ๑๑๓,๒๙๓.๕๐ บาท แก่ผู้ร้อง ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share