คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7363/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเอาทางในที่ราชพัสดุอ้างว่าเป็นทางมากกว่า 50 ปี โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าเป็นทางสาธารณะ จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์เรียกเอาทางในฐานะทางภารจำยอมหรือไม่ก็ทางจำเป็น ปรากฏว่าที่ราชพัสดุดังกล่าวเดิมเป็นที่ดินที่สงวนไว้เพื่อราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน ต่อมาจึงสร้างโรงเรียนลงในที่ดิน ดังนั้น ที่ราชพัสดุดังกล่าวย่อมเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304 ซึ่งมาตรา 1306 ห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดิน ทางที่โจทก์ฟ้องเรียกให้เปิดหากมีอยู่จริง จึงไม่ใช่ทางภารจำยอมที่จะได้มาโดยอายุความส่วนในกรณีทางจำเป็นได้ความว่าเดิมที่ดินของโจทก์รวมอยู่ในที่ดินแปลงใหญ่ซึ่งอยู่ติดทางสาธารณะ โดยโจทก์แบ่งซื้อมา โจทก์ย่อมมีสิทธิและชอบที่จะเรียกเอาทางออกผ่านที่ดินแปลงที่เคยรวมเป็นแปลงเดียวกันอยู่นั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 ไม่ชอบที่จะเรียกเอาจากที่ราชพัสดุดังนั้น คำฟ้องโจทก์จึงยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 โดยให้จำเลยเปิดทางมาใช้ศาลไม่อาจอนุญาตตามคำขอของโจทก์ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองเปิดทางเข้าออกที่ดินของโจทก์ผ่านที่ราชพัสดุสู่ทางสาธารณะ ซึ่งโจทก์และผู้ครอบครองที่ดินโจทก์คนก่อน ๆใช้ตลอดมากว่า 50 ปี

โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา ขอให้จำเลยเปิดทาง อ้างว่าโจทก์จำเป็นต้องเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ แต่โจทก์ไม่มีทางอื่นเข้าได้นอกจากทางที่จำเลยทำรั้วปิดกั้น เพราะที่ดินของโจทก์ไม่ติดต่อกับทางสาธารณะทางดังกล่าวถูกใช้เป็นทางเข้าออกมาตลอดกว่า 50 ปี และโจทก์ก็ได้ใช้ทางดังกล่าวมากว่า 15 ปี แล้ว

จำเลยทั้งสามยื่นคำคัดค้าน

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คำร้องของโจทก์เป็นคำขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 ซึ่งมาตรา 255 กฎหมายฉบับเดียวกันบัญญัติไว้ว่าในการพิจารณาอนุญาตตามคำขอตามมาตรา 254 ต้องให้เป็นที่พอใจของศาลว่าคำฟ้องมีมูลและมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามที่ขอนั้นมาใช้ คำฟ้องของโจทก์เรียกเอาทางในที่ราชพัสดุอ้างว่าเป็นทางมากว่า 50 ปี โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าเป็นทางสาธารณะ จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์เรียกเอาทางในฐานะทางภารจำยอมหรือไม่ ก็ทางจำเป็น ตามพยานโจทก์ในชั้นไต่สวนได้ความว่า ที่ราชพัสดุดังกล่าวเดิมเป็นที่ดินที่สงวนไว้เพื่อราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน ต่อมาจึงก่อสร้างโรงเรียนลงในทีดิน ดังนี้ที่ราชพัสดุดังกล่าวย่อมเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 โดยมาตรา 1306 กฎหมายฉบับเดียวกัน ห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดิน ทางที่โจทก์ฟ้องเรียกให้เปิดหากมีอยู่จริง จึงไม่ใช่ทางภารจำยอมที่จะได้มาโดยอายุความ ในกรณีทางจำเป็น ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ตอบทนายจำเลยทั้งสามว่าเดิมที่ดินของโจทก์รวมอยู่ในทีดินแปลงใหญ่ ซึ่งอยู่ติดทางสาธารณะ โดยโจทก์แบ่งซื้อมา โจทก์ย่อมมีสิทธิและชอบที่จะเรียกเอาทางออกผ่านที่ดินแปลงที่เคยรวมเป็นแปลงเดียวกันอยู่นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350ไม่ชอบที่จะเรียกเอาจากที่ราชพัสดุตามฟ้อง ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาย่อมเห็นได้ว่าคำฟ้องยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามที่ขอนั้นมาใช้ ศาลไม่อาจอนุญาตตามคำขอของโจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share