คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ไม่เคยขออะไรจากจำเลย และโจทก์ไม่อยากได้ของของ จำเลย จำเลยบอกจะส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์ ขออย่าฟ้องร้องกันจำเลยชวนโจทก์ไปอยู่ด้วยเพื่อเลี้ยงดูแต่โจทก์ไม่ยอมไปต้องการเอาที่พิพาท คืนจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์บอกปัด ไม่ให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์
เมื่อบิดาจำเลยตาย จำเลยซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของโจทก์ได้ไปทวง โฉนดพิพาทกับโจทก์โจทก์ว่าไม่รู้ไม่เห็นจำเลยจึงไปปรึกษาเจ้าพนักงานที่ดิน และที่สุดไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์ยักยอกโฉนดที่พิพาท การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิอันชอบธรรม ไม่เป็นการหมิ่นประมาทต่อโจทก์อย่างร้ายแรง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกถอนคืนการให้ที่ดิน เพราะจำเลยผู้รับประพฤติเนรคุณศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาว่า จำเลยประพฤติเนรคุณไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์บอกปัดไม่ให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์หรือไม่นั้นได้ความจากโจทก์ว่าโจทก์ไม่เคยขออะไรจากจำเลย และโจทก์ไม่อยากได้ของของจำเลย โจทก์รับว่าจำเลยบอกจะส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์ ขออย่าฟ้องร้องกันเลย ได้ความจากนายทำ พยานโจทก์ว่า จำเลยชวนโจทก์ไปอยู่ด้วยเพื่อเลี้ยงดูโจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมไป ต้องการเอาที่พิพาทคืน ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ บอกปัดไม่ให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์

ส่วนปัญหาที่ว่า จำเลยหมิ่นประมาทต่อโจทก์หรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์กับนายแดง (บิดาจำเลย) ยกที่พิพาทให้จำเลยโดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันที่สำนักงานที่ดิน เฉพาะโฉนดที่ดินนั้นปรากฏว่าอยู่ที่โจทก์ โจทก์ว่าโจทก์และนายแดง (บิดาจำเลย) ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันว่าจำเลยจะต้องเลี้ยงดูส่งเสียโจทก์เป็นการตอบแทน จำเลยว่าจำเลยฝากนายแดงบิดาไว้ ได้ความว่าโจทก์เป็นมารดาเลี้ยงของจำเลย ข้อเท็จจริงน่าเชื่อตามพยานหลักฐานของจำเลยว่า จำเลยฝากโฉนดที่พิพาทไว้กับนายแดงบิดาจำเลย หาใช่ว่าโจทก์และนายแดงบิดาจำเลยยึดถือโฉนดที่พิพาทไว้เพื่อเป็นประกัน ซึ่งจำเลยทราบดีว่าจำเลยมีพันธะกรณีจะต้องปฏิบัติตามสัญญาต่อโจทก์ดังที่โจทก์ฎีกาไม่

ดังนั้นเมื่อบิดาจำเลยถึงแก่กรรม จำเลยไปทวงโฉนดพิพาทกับโจทก์ โจทก์ว่าไม่รู้ไม่เห็น จำเลยจึงไปปรึกษาเจ้าพนักงานที่ดินและที่สุดไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์ยักยอกโฉนดที่พิพาท การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิอันชอบธรรม ไม่เป็นการหมิ่นประมาทต่อโจทก์อย่างร้ายแรง”

พิพากษายืน

Share