คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี และจำเลยนำยึดทรัพย์ของโจทก์ไว้ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาพิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดีโจทก์มีสิทธิที่จะร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์ได้ตามมาตรา 251 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ทรัพย์ของโจทก์ตกอยู่ในมือของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยคำสั่งศาลเมื่อการบังคับไม่จำต้องกระทำต่อไป แต่โจทก์ไม่จัดการให้ทรัพย์นั้นกลับคืนมาสู่ความครอบครองแห่งตนทั้งที่มีสิทธิบริบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์จะมาอ้างว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในภายหลังนั้น ว่าเป็นเพราะการกระทำของจำเลยผู้นำยึดหาได้ไม่

ย่อยาว

ได้ความว่า จำเลยชนะความโจทก์ในคดีแพ่งที่ 54/2487 และได้นำยึดสวนยางพาราของโจทก์ไว้ คดีนั้นขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ศาลทั้ง 2 ได้พิพากษากลับให้จำเลยแพ้ความโจทก์ และไม่ได้จัดการถอนการยึดสวนยางของโจทก์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2489 จำเลยจึงได้ขอให้ถอนการยึด โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ไม่ได้กรีดน้ำยาง จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิด ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยเป็นผู้รับผิดต่อผลความเสียหายที่ทอดทิ้งระยะเวลานานเกินสมควรให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าความเสียหายที่โจทก์ฟ้องเกิดจากการกระทำของโจทก์ที่ไม่ใช้สิทธิตามกฎหมายเอง จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษากลับยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโจทก์มีสิทธิที่จะร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 251 ดังนี้ความเสียหายที่เกิดแก่โจทก์นั้นเกิดขึ้นเพราะโจทก์ไม่กระทำการอันควรต้องกระทำด้วยตนเอง จะถือว่าได้เกิดเพราะการงดเว้นของจำเลยหาได้ไม่ นอกจากนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อทรัพย์ของโจทก์ตกอยู่ในมือของเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งศาลแล้ว เมื่อการบังคับคดีไม่จำเป็นต้องทำต่อไป โจทก์หาได้จัดการให้ทรัพย์นั้นกลับคืนมาสู่ความครอบครอง ทั้ง ๆ ที่ตนมีสิทธิบริบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์จะมาอ้างว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในภายหลังนั้นเพราะการกระทำของจำเลยผู้นำยึดหาได้ไม่

พิพากษายืน

Share