คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

+สัญญาจะขายห้องแถวซึ่งปลูกในที่ดินของราชพัสดุ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องโอนการเช่า+ให้แก่เขาด้วย ถ้าทางการ+ในเรื่องโอนการเช่าสัญญา+เป้นอันเลิกกัน ดังนี้ ถ้า+ปฎิเสธไม่ยอมปฎิบัติตามสัญญาเสียแต่เริ่มแรกแล้ว ย่อมได้+เป็นฝ่ายผิดสัญญา ผู้ซื้อมี+ให้บังคับให้ขายห้องแถวและโอนการเช่าได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๔๘๙ จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจะขายห้องแถว ๒ ห้องของจำเลยซึ่งปลูกอยู่ในดินราชพัสดุ ให้แก่โจทก์ ในวันที่ ๒ กันยายน ปีเดียวกัน เป็นราคา ๑๗,๐๐๐ บาท จำเลยรับเงินมัดจำไปในวันนั้น ๒๐๐๐ บาท ส่วนการที่โจทก์จะเช่าที่ราชพัสดุต่อจากจำเลยนั้น จำเลยรับจะเป็นผู้จัดการให้ วันรุ่งขึ้นจำเลยไม่ยอมขาย ถึงวันนัดจำเลยก็ไม่ยอมขาย จึงขอบังคับให้จำเลยขายห้องแถวตามสัญญากับให้จำเลยเลิกเช่าที่ดินราชพัสดุ ให้โจทก์เช่าแทน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยผิดสัญญา จึงพิพากษาบังคับให้จำเลยขายห้องแถวพิพาท และโอนการเช่าให้โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโดยเห็นว่าโจทก์(ผู้ซื้อ) เป็นฝ่ายผิดสัญญา เพราะไม่ไปจัดการขอโอนการเช่าที่เทศบาล แต่กลับจะให้จำเลย (ผู้ขาย) ไปทำการโอนขายที่อำเภอ ซึ่งไม่ตรงกับสัญญาที่ทำกันไว้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำพยานทั้งสองฝ่ายยังไม่ถึงขั้นที่ว่า ทางการขัดข้องในเรื่องโอนการเช่า แต่โจทก์กลับนำสืบว่า ทำสัญญาซื้อขายกันวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๔๘๙ พอรุ่งขึ้นวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๔๘๙ จำเลยได้บอกไม่ขายห้องแถวให้แก่โจทก์ เช้าวันที่ ๒ กันยายน ซึ่งเป็นนัดทำการซื้อขาย จำเลยไปถึงอำเภอก็หาเหตุว่าโจทก์ไม่ไปเทศบาล และไม่ยอมขาย พฤตติการณ์ทั้งนี้เป็นข้อแก้ตัวของจำเลยที่รับฟังไม่ได้ เพราะโจทก์ยังนำสืบได้ว่า ถ้าได้มีการขอร้องโอนการเช่าในเรื่องนี้ ก็น่าจะไม่มีเหตุขัดข้อง เมื่อฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาเสียตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว จำเลยก็ต้องรับผิดสัญญา จึงพิพากษากลับ ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยจัดการโอนขายห้องแถวและโอนการเช่าให้แก่โจทก์ตามสัญญา ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษานี้แทนการแสดงเจตนาของจำเลย ถ้าไม่สามารถโอนได้ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ ๒๐๐๐ บาทให้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี

Share