คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7329/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและศาลได้นำคำให้การรับสารภาพดังกล่าวมาใช้ประกอบการวินิจฉัยลงโทษจำเลย คำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมจึงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา
ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขโดยลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และการที่ศาลล่างทั้งสองเพิ่มโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 97 กึ่งหนึ่งนั้น กรณีต้องถือว่าส่วนของการเพิ่มคือกึ่งหนึ่งส่วนของการลดคือหนึ่งในสาม ส่วนของการเพิ่มจึงมากกว่าส่วนของการลด ศาลฎีกาเห็นสมควรไม่เพิ่มไม่ลดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 54

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 97, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 58, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนและเงินสดจำนวน 860 บาทของกลาง เพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่ง และบวกโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3207/2540 ของศาลแขวงพระนครใต้ เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้กับขอให้คืนธนบัตรจำนวน 120 บาท ที่ใช้ล่อซื้อของกลางแก่เจ้าของ

จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษและบวกโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี เพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 15 ปี บวกโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3207/2540 ของศาลแขวงพระนครใต้เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้รวมจำคุก 15 ปี1 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนและเงินสดจำนวน 860 บาท ของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนธนบัตรจำนวน 120 บาทที่ใช้ล่อซื้อของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยข้อสุดท้ายว่า การที่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.4ศาลต้องลดโทษให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่า เมื่อปรากฏว่าจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและศาลได้นำคำให้การรับสารภาพดังกล่าวมาใช้ประกอบการวินิจฉัยลงโทษจำเลยดังนั้น คำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมจึงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลล่างทั้งสองไม่ลดโทษให้จำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เห็นสมควรแก้ไขโดยลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และการที่ศาลล่างทั้งสองเพิ่มโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 97 กึ่งหนึ่งนั้นกรณีต้องถือว่าส่วนของการเพิ่มคือกึ่งหนึ่ง ส่วนของการลดคือหนึ่งในสาม ดังนั้นส่วนของการเพิ่มจึงมากกว่าส่วนของการลด ศาลฎีกาเห็นสมควรไม่เพิ่มไม่ลดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดโทษแก่จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และส่วนของการเพิ่มโทษมากกว่าส่วนของการลดโทษเห็นสมควรไม่เพิ่มไม่ลดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 54 รวมจำคุก 10 ปี 1 เดือน ไม่ริบเงินสดจำนวน 860 บาท ของกลางโดยให้คืนแก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share