คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7328/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ส. จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน แล้วสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2548 ทำให้ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 38 (2) ส. มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพตามมาตรา 77 ทวิ วรรคสอง ส. ตายในวันที่ 26 พฤษภาคม 2548 ก่อนที่จะได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ เมื่อตามมาตรา 77 จัตวา วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ทายาทของ ส. มีสิทธิได้รับเงินชราภาพ และตามมาตรา 77 จัตวา วรรคสอง ระบุว่าทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพได้แก่ (1) บุตรชอบด้วยกฎหมาย (2) สามีหรือภริยา (3) บิดามารดา หรือบิดาหรือมารดาที่มีชีวิตอยู่ โจทก์เป็นน้องร่วมบิดามารดา ส. แม้จะเป็นทายาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629 (3) แต่ไม่ใช่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพตามมาตรา 77 จัตวา วรรคสอง จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยที่ 1965/2548 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2548 และให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพ จำนวน 50,434 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานภาค 1 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความแถลงรับและไม่โต้เถียงกันมีว่า นายสันติเวชเป็นลูกจ้างของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2542 สิ้นสภาพการจ้างวันที่ 25 พฤษภาคม 2548 นายสันติเวชเป็นผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ส่งเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพมาแล้ว 78 เดือน เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2548 นายสันติเวชถึงแก่ความตาย นายสันติเวชไม่เคยสมรสและไม่มีบุตร ส่วนบิดามารดาก็ถึงแก่ความตายไปก่อนแล้ว ต่อมาศาลจังหวัดลพบุรีมีคำสั่งตั้งโจทก์ซึ่งเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับนายสันติเวชให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายสันติเวช โจทก์ยื่นคำร้องขอรับเงินบำเหน็จชราภาพ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดลพบุรีมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเนื่องจากไม่ใช่ทายาทตามที่กฎหมายกำหนด โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง คณะกรรมการอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยที่ 1965/2548 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2548 ว่าโจทก์ไม่ใช่บุคคลตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 77 จัตวา จึงไม่ใช่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ ให้ยกอุทธรณ์
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์โจทก์ประการแรกว่า โจทก์มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพหรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ว่า นายสันติเวชไม่มีทายาทตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 77 จัตวา แต่เงินบำเหน็จชราภาพเป็นมรดก โจทก์ซึ่งเป็นน้องร่วมบิดามารดาของนายสันติเวชจึงเป็นทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 (3) มีสิทธิได้รับมรดกเงินบำเหน็จชราภาพนั้น เห็นว่า แม้ปรากฏตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ 1965/2548 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2548 ของโจทก์ว่า นายสันติเวชสิ้นสภาพการจ้าง (สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง) เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2548 ซึ่งทำให้ความเป็นผู้ประกันตนของนายสันติเวชสิ้นสุดลงตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 38 (2) ก่อน นายสันติเวชถึงแก่ความตายในวันที่ 26 พฤษภาคม 2548 ก็ตาม แต่พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 77 ทวิ วรรคสอง บัญญัติให้ในกรณีที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงตามมาตรา 38 หรือมาตรา 41 ให้ผู้นั้นมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ มาตรา 77 จัตวา วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ในกรณีที่ผู้ประกันตนซึ่งมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามมาตรา 77 ทวิ ถึงแก่ความตายก่อนที่จะได้รับประโยชน์ทดแทน ให้ทายาทของผู้นั้นมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพซึ่งตามมาตรา 77 จัตวา วรรคสอง บัญญัติให้ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพได้แก่ (1) บุตรชอบด้วยกฎหมาย (2) สามีหรือภริยา (3) บิดามารดา หรือบิดาหรือมารดาที่มีชีวิตอยู่ และในวรรคสามบัญญัติให้ในกรณีที่ไม่มีทายาทในอนุมาตราใด หรือทายาทนั้นได้ตายไปเสียก่อนให้แบ่งเงินบำเหน็จชราภาพตามมาตรา 77 (2) ในระหว่างทายาทผู้มีสิทธิในอนุมาตราที่มีทายาทผู้มีสิทธิได้รับ ตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงมีความมุ่งหมายให้ทายาทของผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพจะต้องเป็นญาติใกล้ชิดตามที่มาตรา 77 จัตวา วรรคสอง บัญญัติไว้ และทายาทนั้นจะต้องมีชีวิตอยู่ หากเป็นทายาทที่ตายไปเสียก่อน เงินบำเหน็จชราภาพก็จะแบ่งให้เฉพาะในระหว่างทายาทผู้มีสิทธิอื่นต่อไป แม้โจทก์เป็นน้องร่วมบิดามารดาของนายสันติเวชซึ่งเป็นทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 (3) แต่เมื่อโจทก์มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 77 จัตวา วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว…
พิพากษายืน.

Share