แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ตายเมาได้เงื้อขวานจะทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้ขวานทำร้ายผู้ตาย 1 ทีถูกที่เหนือขมับซ้ายเป็นบาดแผลยาว 3.9 ซ.ม. ลึกจดกระโหลกศีรษะเล็กน้อย ผู้ตายอยู่ได้ 9 วันตาย โจทก์มิได้นำสืบว่าผู้ตายได้ตายด้วยบาดแผลนี้หรือไม่ ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวไม่เกินสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
อัยการและย่าของผู้ตายร่วมกันเป็นโจทก์ ฟ้องหาว่า จำเลยใช้ขวานฟัน ป. มีบาดแผลสาหัส ป. อยู่ได้ 9 วันตาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 251 จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ตายจะทำร้ายจำเลย จำเลยจึงทำร้ายเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุอย่างไรก็ดีจะลงโทษจำเลยตามบทที่โจทก์ขอมาไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้นำสืบว่าผู้ตายได้ตายเพราะแผลที่ถูกทำร้าย พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้ตายจะตายด้วยพิษบาดแผลที่ถูกจำเลยทำร้ายหรือไม่ โจทก์มิได้นำสืบ แต่จำเลยนำแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพมาสสืบได้ว่าบาดแผลของผู้ตายรักษาไม่เกิน 15 วันก็หาย การตายของผู้ตายเกิดจากไข้มาลาเรีย แต่ถึงแม้จะฟังว่าผู้ตายมิได้ตายด้วยพิษบาดแผล เมื่อข้อแก้ตัวของจำเลยที่ทำร้ายฟังไม่ขึ้น ก็ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายได้ พิพากษากลับให้จำคุก 1 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 254
จำเลยและนางพลอยคุ้มครอง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริง เชื่อว่าผู้ตายเมาได้เงื้อขวานจะทำร้ายจำเลยก่อน เห็นว่าผู้ตายเป็นผู้ก่อก่อนจำเลยก็มีเหตุจะอ้างได้ในการที่ได้กระทำลงไป ตามใบชันสูตรบาดแผลปรากฏเพียงว่าแผลเหนือขมับซ้ายยาว 3.9 เซ็นติเมตร ลึกจดกระโหลกศีรษะเล็กน้อยการตายของผู้ตายจะเนื่องมาจากบาดแผลนี้เพียงใดหรือไม่ โจทก์มิได้นำสืบ เห็นพ้องด้วยศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวไม่เกินสมควรแก่เหตุ
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง