คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158 นั้นต้องเป็นการฟ้องในคดีอาญา

ย่อยาว

โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีแพ่งเรื่องก่อนซึ่งศาลพิพากษาให้แพ้คดีได้กลับมาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อน หาว่าฟ้องเท็จเบิกความเท็จ และกระทำพยานเท็จ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 155, 157, 158, 115

ศาลจังหวัดพัทลุงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาอ้างเป็นข้อกฎหมาย 2 ข้อ คือ

1. ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การฟ้องเท็จซึ่งจะมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158 นั้น ต้องเป็นฟ้องในคดีอาญา ซึ่งโจทก์เถียงว่า แม้เป็นคดีแพ่งก็มีผิด

2. ที่ศาลล่างทั้ง 2 ไม่รับฟังคำเบิกความของ ท. โดยเห็นว่าไม่มีน้ำหนัก เพราะพยานปากนี้โจทก์ไม่ได้อ้างในคดีแพ่ง โจทก์โต้เถียงว่าไม่มีกฎหมายห้ามว่าพยานที่ไม่ได้เบิกความในคดีแพ่งไม่ให้รับฟังในคดีอาญา

ศาลฎีกาเห็นว่า ในข้อ 1 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่เห็นพ้องตามศาลอุทธรณ์เพราะการฟ้องเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158 นั้นต้องเป็นการฟ้องกล่าวโทษ ซึ่งหมายถึงความอาญาจึงจะเป็นเรื่องมีโทษได้ ส่วนข้อ 2 เป็นการโต้เถียงข้อวินิจฉัยในคำพยานเป็นปัญหาข้อเท็จจริง

พิพากษายืน

Share