แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤตติการณ์ที่ฟังว่าเป็นการยกเงินให้โดยเสน่หา ฎีกาอุทธรณ์พิมพ์ลายนิ้วมือแลเซ็นชื่อไว้ด้วยแล้วไม่ต้องมีพะยานเซ็นชื่อรับรอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยซึ่งเป็นผู้รับมฤดกนางล้วน ซึ่งโจทก์อ้างว่านางล้วนทำหนังสือกู้เงินไป ๑๐๐๐ บาท
จำเลยให้การปฏิเสธ และว่าถึงแม้ในหนังสือกู้เป็นลายมือนางล้วนจริง โจทก์ก็ได้มาด้วยความผิดหลงของนางล้วน
ศาลล่างพิพากษาต้องกันให้จำเลยใช้เงินโจทก์
จำเลยฎีกาว่า ๑. โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะจำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ ๒. มารดาโจทก์ยกสัญญากู้ให้โจทก์เป็นการโอนสิทธิเรียกร้อง จะต้องทำเป็นหนังสือและแจ้งการโอนให้ลูกหนี้ทราบ ๓. สัญญากู้ไม่สมบูรณ์ เพราะไม่มีพะยานรับรองลายมือ ๒ คน
ศาลฎีกากล่าว่า ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ ๆ ฟังว่านางล้วนขอกู้เงินมารดาโจทก์ ๆ ใส่ชื่อโจทก์ไว้ในหนังสือสัญญากู้ ต่อมาโจทก์ได้ภรรยา บิดามารดจึงมอบหนังสือกู้นี้แก่โจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฎีกาข้อ ๑. โจทก์พึ่งยกขึ้นคัดค้านชั้นฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย ฎีกาข้อ ๒. ที่ว่ามารดาโจทก์โอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์เป็นการถียงฝืนความจริง เพราะในหนังสือปรากฎชื่อโจทก์เป็นผู้ให้กู้จะเรียกว่าได้รับโอนสิทธิเรียกร้องไม่ได้ (๓) นางล้วนได้พิมพ์ลายนิ้วมือ และลงชื่อของตนแล้ว ไม่จำต้องมีพะยานรับรอง ให้ยกฎีกาจำเลย