แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมจำเลยสั่งซื้อรถเกรดเดอร์ 11 คันจากโจทก์และจะต้องขนส่งทางเรือมาจากประเทศอังกฤษ แต่ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันว่าให้โจทก์ซื้อรถทั้งหมดกลับคืนจากจำเลยโดยจำเลยขอรับผิดชอบสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการส่งคืนรถทั้ง 11 คันแก่โจทก์ และโจทก์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและภาษีใด ๆ จนสินค้าลงเรือในกรุงเทพ ฯ ดังนี้ เมื่อค่าระวางขนส่งทางเรือจากประเทศอังกฤษมายังประเทศไทยไม่ได้รวมอยู่ในราคารถที่ขายคืนจึงเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญา
ค่าขนส่งทางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ไปกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียเป็นค่าระวางขนส่งต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศ ตามข้อตกลงดังกล่าวโจทก์ผู้ซื้อรถคืนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จนกระทั่งรถได้บรรทุกลงเรือ ดังนั้น เมื่อโจทก์เปลี่ยนมาเป็นการขนส่งทางบกโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงด้วย โจทก์จะเรียกค่าขนส่งดังกล่าวจากจำเลยโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าวหาได้ไม่
สำหรับค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากมีข้อตกลงดังกล่าวแล้วนั้นการที่โจทก์จะนำรถบรรทุกลงเรือก็จำเป็นจะต้องออกของจากโกดังสินค้าซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าโกดัง และตามสัญญาก็ได้ระบุให้ค่าเช่าโกดังเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเลยจะต้องรับผิดด้วยเช่นนี้ แม้การออกของจากโกดังสินค้าจะเนิ่นช้าไปบ้าง แต่ก็ไม่ปรากฏว่าความล่าช้าเกิดจากเจตนาอันไม่สุจริตของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากวันทำสัญญาจนถึงวันออกของด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อรถเกรดเดอร์จากโจทก์ ๑๑ คัน แต่จำเลยไม่อาจชำระค่ารถและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จึงไม่อาจนำรถออกจากโกดังเก็บสินค้าของการท่าเรือโจทก์จำเลยจึงตกลงกันว่าจำเลยขายรถทั้ง ๑๑ คันคืนแก่โจทก์ เพื่อโจทก์จะได้นำออกจากประเทศไทยไปจำหน่ายแก่บุคคลอื่นในประเทศ และจำเลยยอมชดใช้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่โจทก์ทดรองจ่ายไปในค่าระวาง ค่าภาษีรวมทั้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการนำรถเข้ามาในประเทศไทยจนกระทั่งนำส่งออกไปต่างประเทศกับค่าดอกเบี้ย โจทก์ได้ดำเนินการตามข้อตกลงแล้ว โดยนำรถทั้งหมดไปขายที่ประเทศมาเลเซีย และจำเลยเป็นหนี้ค่าใช้จ่ายซึ่งโจทก์ทดรองจ่ายไปคือ ค่าระวางขนส่งรถเข้ามาในประเทศไทย ค่าภาษีและภาษีการค้าขาเข้า ค่าทำงานล่วงเวลาของพนักงานศุลกากร ค่าทำการนอกสถานที่ของพนักงานศุลกากร ค่ามัดลวดของพนักงานศุลกากร ค่าเฝ้าสินค้าของศุลการักษ์ ค่าโกดังท่าเรือ ค่าขนส่ง ร.ส.พ. จากท่าเรือไปสถานีรถไฟพหลโยธิน ค่าระวางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ไปกัวลาลัมเปอร์ ค่ารถยก ค่ามัดของตรึงกับรถ ค่าบรรทุกของสูงเกินขนาด ค่าจ่ายรางวัลคนขับรถ และค่าออกของ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๑๐๖.๘๓๙.๓๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีนับแต่วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ ถึงวันฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปีจากต้นเงิน ๔,๑๐๖.๘๓๙.๓๔ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงยินยอมที่จะชดใช้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้โจทก์ตามฟ้อง โจทก์มิได้เสียค่าใช้จ่ายตามฟ้อง หากโจทก์จะต้องเสียค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปก็เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องเสีย และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๓,๑๗๖,๓๑๑.๒๑ บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๒๔ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความให้ ๓๐,๐๐๐ บาท แทนโจทก์ด้วย
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิได้ค่าเช่าโกดังตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้และจำเลยต้องรับผิดค่าระวางขนส่งจากประเทศอังกฤษมาประเทศไทยและค่าระวางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ไปมาเลเซียรวม ๒ รายการเป็นเงิน ๙๕๒,๘๒๘.๑๓ บาท (ที่ถูกเป็นเงิน ๙๑๒,๘๒๘.๑๓ บาท) ด้วย พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยเสียค่าขนส่งแก่โจทก์ ๒ รายการเป็นเงิน ๙๕๒,๘๒๘.๑๓ บาท (ที่ถูกเป็นเงิน ๙๑๒,๘๒๘.๑๓ บาท) พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๒๔ จนกว่าจะใช้เสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมรวม ๒ ศาลแทนโจทก์ เฉพาะค่าทนายความกำหนดให้ห้าหมื่นบาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าจำเลยเคยสั่งซื้อรถเกรดเดอร์จากโจทก์หลายครั้ง โจทก์จัดส่งรถตามคำสั่งของจำเลย ๓ งวดโดยทางเรือ จำเลยได้ชำระราคารถให้โจทก์บางส่วน ยังคงเหลือค่ารถเกรดเดอร์อีก ๑๑ คันที่จำเลยยังไม่ได้ชำระ รถดังกล่าวเก็บไว้ที่โกดังเก็บสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๑๐ คัน ส่วนอีก ๑ คันจำเลยได้นำออกไปไว้ที่บริษัทจำเลย จำเลยไม่สามารถนำรถออกจากการท่าเรือได้เพราะฐานะการเงินไม่ดีโจทก์จำเลยจึงตกลงกันว่า โจทก์ตกลงซื้อรถทั้ง ๑๑ คันคืนจากจำเลย โดยจำเลยยอมให้โจทก์นำรถทั้งทั้งหมดไปขายแก่ผู้อื่นในต่างประเทศและจำเลยยอมรับผิดชอบสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการส่งรถคืนโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.๒ ต่อมาโจทก์หาผู้ซื้อรถทั้งหมดได้ที่ประเทศมาเลเซีย และได้จัดการนำรถบรรทุกรถไฟไปยังกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ หลายรายการ
จำเลยฎีกาว่า ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๒ ไม่ครอบคลุมถึงค่าระวางขนส่งทางเรือเพราะโจทก์ได้บวกค่าระวางขนส่งกับราคารถที่ขายคืนด้วยแล้ว พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การตกลงซื้อขายรถเกรดเดอร์ทั้ง ๑๑ คันที่จำเลยขายคืนแก่โจทก์นั้นมีหลักฐานการซื้อขายตามเอกสารหมาย จ.๒ ซึ่งมีข้อตกลงว่า ‘(๑) บริษัทยนตรภัณฑ์ จำกัด(จำเลย) ขอรับผิดชอบสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการส่งคืนรถแทนเดม เกรดเดอร์ ทีจี ๐๑๑ จำนวน ๑๑ หน่วย แก่บริษัทอเวลิ่ง ผู้เป็นเจ้าของ หน่วยรถดังกล่าวจะจำหน่ายคืนให้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและภาษีใด ๆ จนสินค้าลงเรือในกรุงเทพ ฯ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังได้ระบุไว้ซึ่งรวมถึงค่าโกดัง ค่าธรรมเนียมการส่งออกและภาษี ค่าพาหนะ ค่าขนส่งที่ท่าเรือค่าขนย้ายบนบก ฯลฯ (๒) ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังกล่าวที่จ่ายโดยบริษัทอเวลิ่ง หรือผู้แทนบริษัทอเวลิ่งจะถือเป็นความรับผิดชอบของบริษัทยนตรภัณฑ์ จำกัด ต่อไป ฯลฯ…..’ ปัญหาที่ว่าค่าระวางขนส่งทางเรือจากประเทศอังกฤษมาประเทศไทยจะอยู่ในค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จำเลยจะต้องรับผิดหรือไม่นั้น เห็นว่า ตามเอกสารหมาย จ.๒ แผ่นแรกที่เป็นหลักฐานการที่โจทก์รับซื้อรถคืนจากจำเลยแม้จะระบุถึงราคารถรวมทั้งค่าขนส่งไว้ด้วย แต่ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้บวกค่าระวางขนส่งกับราคารถที่ขายคืนดังที่จำเลยฎีกา เมื่อได้ความว่าการที่โจทก์จะต้องออกของจากโกดังสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยแทนไปนั้น จะต้องมีการชำระค่าระวางขนส่งทางเรือจากประเทศอังกฤษมายังประเทศไทยด้วย ค่าระวางเรือที่โจทก์ชำระไปดังกล่าวจึงเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นจากการส่งคืนรถแก่โจทก์ตามสัญญานั่นเอง เมื่อโจทก์ได้ชำระแทนไปจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยจะปัดความรับผิดหาได้ไม่
ส่วนค่าขนส่งทางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ไปกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียนั้น ตามสัญญาดังกล่าวข้อ ๑ ระบุว่า ‘รถดังกล่าวจะจำหน่ายคืนให้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและภาษีใด ๆ จนสินค้าลงเรือในกรุงเทพ ฯ’ ซึ่งมีความหมายว่าโจทก์ผู้ซื้อรถคืนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จนกระทั่งรถได้บรรทุกลงเรือ ส่วนค่าระวางขนส่งต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศนั้นไม่อยู่ในความรับผิดของจำเลย แต่แทนที่จะมีการขนส่งโดยทางเรือตามที่ตกลง โจทก์กลับเปลี่ยนแปลงมาเป็นการขนส่งทางบกโดยบรรทุกรถไฟซึ่งไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงยินยอมด้วยความรับผิดของจำเลยตามสัญญาจึงไม่หมายรวมถึงค่าขนส่งทางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียด้วย
ที่จำเลยฎีกาว่า ค่าเช่าโกดังสินค้า ที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์หมายถึงค่าเช่าที่เกิดขึ้นก่อนทำสัญญาเอกสารหมาย จ.๒ ส่วนค่าเช่าหลังจากนั้นเกิดขึ้นจากความผิดของโจทก์เองที่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นช้า จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดนั้น ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๒ ข้อ ๑ ระบุยกเว้นให้โจทก์ในฐานะผู้ซื้อรถคืนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการคืนรถจนกระทั่งรถได้บรรทุกลงเรือและการที่จะนำรถบรรทุกลงเรือก็จำเป็นจะต้องออกของจากโกดังสินค้า ซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าโกดังด้วย และตามสัญญาก็ได้ระบุให้ค่าเช่าโกดังเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเลยจะต้องรับผิด ค่าเช่าโกดังตามสัญญาดังกล่าวจึงหมายรวมถึงค่าเช่าหลังจากวันทำสัญญาจนถึงวันออกของด้วย แม้การออกของจากโกดังสินค้าจะเนิ่นช้าไปบ้างก็เป็นเพราะจะต้องปฏิบัติตามระเบียบและวิธีการหลายขั้นตอน ทั้งโจทก์เป็นบริษัทอยู่ต่างประเทศจำนวนเงินที่ใช้ในการดำเนินการมีจำนวนมาก และโจทก์จะต้องใช้เวลาติดต่อหาผู้ซื้อในต่างประเทศด้วย ทั้งไม่ปรากฏว่า ความล่าช้าเกิดจากเจตนาอันไม่สุจริตของโจทก์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเช่าโกดังสินค้าที่โจทก์ได้จ่ายไปตามสัญญา
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยต้องรับผิดในค่าระวางขนส่งรถเกรดเดอร์จากประเทศอังกฤษมาประเทศไทย เป็นเงิน ๗๕๘,๖๙๘.๑๓ บาทแต่จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์สำหรับค่าระวางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ตามฟ้อง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์